ไม่อยากชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำผิด “หมอเจี๊ยบ” ร่ายยาวแจงดราม่าใช้ยาชาก่อนขึ้นชก

2020-11-08 12:00:21

ไม่อยากชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำผิด “หมอเจี๊ยบ” ร่ายยาวแจงดราม่าใช้ยาชาก่อนขึ้นชก

Advertisement


ไม่ได้ช่วยให้ต่อยดีขึ้น – มีพละกำลังมากขึ้น “หมอเจี๊ยบ ลลนา” ร่ายยาวแจงปมดราม่าใช้ยาชาก่อนขึ้นชก “เชียร์ ฑิฆัมพร” พร้อมเผยไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำสิ่งที่ผิด

แม้ว่าศึกฟาดนวมบนสังเวียน 10 fight 10 season 2 ของ “หมอเจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์” และนางเอกสาว “เชียร์ ฑิฆัมพร” จะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่จบก็ดูท่าว่าจะเป็นดราม่า และคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ยังไม่จบสิ้น เพราะล่าสุดก็มีประเด็นดราม่าขนาดย่อมกรณีการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกของหมอเจี๊ยบ มาให้ได้พูดถึงกันอีกแล้ว ทำเอางานนี้หมอเจี๊ยบไม่อาจนิ่งเฉยจนต้องรีบออกมาชี้แจงแจ้งข้อเท็จจริงให้ได้ทราบโดยทั่วกันเลยทีเดียว

(อ่านข่าว : เลือดนักมวยมันพลุ่งพล่าน !! “กระแต อาร์สยาม” วิจารณ์ คู่มวยสวยพลิกฟ้า “เชียร์ - หมอเจี๊ยบ”

(อ่านข่าว : มวยดาราหญิงคู่แรก "เจี๊ยบ ลลนา" เจอกับ "เชียร์ ฑิฆัมพร" ปะทะเดือด)





โดยเมื่อวานนี้ (7 พ.ย. 2563) “หมอเจี๊ยบ ลลนา” ก็ได้โพสต์ข้อความร่ายยาว เกี่ยวกับเรื่องการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกที่กำลังกลายเป็นดราม่าขณะนี้ ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวไว้ว่า....

“ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงนะคะ ว่าจะอยู่เงียบๆ แต่ดราม่ามาแรงเลยขอใช้พื้นที่นี้ในการอธิบายสิ่งที่คนสงสัยประเด็นการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกมวยตามนี้นะคะ






ช่วงดึกๆ คืนวันก่อนแข่ง เจี๊ยบซ้อมชกท่าต่างๆ ที่จะใช้ในการแข่งขัน ปรากฎว่าเกิดอุบัติเหตุผิดท่าไป ทำให้เจี๊ยบร่วงลงไปกับพื้น หลังจากนั้นก็คือเจ็บมาก หายใจก็เจ็บ ขยับตัวทำอะไรก็เจ็บไปหมด ตามรูปที่น้ำตาไหลไปกินข้าวไป คิดว่าแย่แล้ว พรุ่งนี้เราคงขึ้นชกไม่ได้แน่ๆ ในหัวคิดแต่อะไรจะเกิดขึ้นบ้างถ้าเราชกไม่ได้กะทันหันแบบนี้ และได้แต่โกรธตัวเองว่ามาเจ็บอะไรตอนนี้ รายการจะทำยังไง คนที่รอดูคู่เราไม่ว่าจะทีมขาวหรือทีมดำต่างต้องผิดหวัง ตัวเจี๊ยบเองซ้อมมานานทั้งหมดเพื่อการแข่งขันวันพรุ่งนี้ คู่ชกเจี๊ยบก็ซ้อมมานานเค้าซ้อมมาเพื่อวันพรุ่งนี้แล้วเค้าจะชกกับใคร หรือถ้าให้รายการหาคนอื่นมาชกแทน ให้คู่อื่นเลื่อนขึ้นมาชกก่อนแทนคู่เจี๊ยบ เค้าก็อาจไม่ได้พร้อม ยังไม่ถึงวันของเค้า ในหัวเจี๊ยบคิดแต่ว่าจะทำยังไงได้บ้างให้สามารถขึ้นชกให้ได้ในวันพรุ่งนี้

เจี๊ยบจึงปรึกษาอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก และเฉพาะทางด้านกายภาพ (อาจารย์เป็นคนที่รักษาอาการบาดเจ็บต่างๆ ระหว่างการฝึกซ้อม ของทั้งทีมขาวและทีมดำ) ผลอัลตราซาวด์พบว่าอาการบาดเจ็บมาจากรอยร้าวที่กระดูกซี่โครง ทางเดียวที่จะพอทำให้สามารถขึ้นชกได้คือฉีดยาชาที่บริเวณซี่โครงที่ร้าว เพื่อให้สามารถหายใจในสภาวะใกล้เคียงคนปกติ หายใจแล้วไม่เจ็บจนเกินไป ให้สามารถขึ้นไปชกได้ ให้สามารถถ่ายรายการลุล่วงไปได้




ด้วยความที่ตัวเจี๊ยบเองเป็นหมอ เจี๊ยบประเมินตัวเจี๊ยบเองและรับได้กับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเอง เจี๊ยบตัดสินใจขึ้นชกในสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ หากเป็นคนทั่วไปหรือนักชกคนอื่นๆ อาจต้องเลื่อนชกไปอีกเป็นเดือนๆ จนกว่าซี่โครงที่ร้าวอยู่จะหายดีก่อนหรือถอนตัวไปเลย เพราะทุกคนย่อมอยากไปแข่งในแบบที่สภาพร่างกายที่ตัวเองสมบูรณ์ที่สุด ไม่มีใครอยากลงแข่งทั้งๆ ที่กระดูกซี่โครงตัวเองยังร้าวอยู่




โดยเจี๊ยบเองเป็นคนบอกกับพี่นุ้ย บอกกับเชียร์ และคนอื่นๆ เรื่องกระดูกร้าวและการใช้ยาชาเอง ส่วนตัวเจี๊ยบทราบว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ผิด ไม่ใช่มีเจตนาโกง หรือถือเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ หมอผู้รักษาอาการบาดเจ็บของนักกีฬามีจรรยาบรรณและศักดิ์ศรีในการรักษาคนไข้ทุกคนอย่างเท่าเทียม และตัวเจี๊ยบเองไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำสิ่งที่ผิด หากเป็นสิ่งที่ผิดจริงเจี๊ยบคงเลือกที่จะไม่ทำ หรือหากทำคงเลือกที่จะไม่บอกใคร เพราะหากเจี๊ยบไม่บอกใครก็คงไม่มีใครรู้ด้วย (อ่านต่อในคอมเมนต์)”




(อ่านข่าว : ไม่เป็นต้องห่วง “เชียร์” ขอบคุณทุกความห่วงใย เผยดีใจได้ชกกับ “หมอเจี๊ยบ”)

(อ่านข่าว : ได้แล้ว ! “อองตวน” ตามมอบเข็มขัดแชมป์ให้ “เชียร์” ถึง รพ. หลังปะทะเดือด “หมอเจี๊ยบ”)

พร้อมกันนี้ “เจี๊ยบ ลลนา” ก็ได้เผยเพิ่มเติมในคอมเมนต์ รวมถึงอธิบายเกี่ยวกับการใช้ยาชาไว้ว่า...

“****ข้อเท็จจริงทางการแพทย์เกี่ยวกับยาชาคือ ยาชาสามารถช่วยออกฤทธิ์ลดทอนความเจ็บปวดได้ในบริเวณเฉพาะจุด เฉพาะที่ฉีดตรงซี่โครงซี่ที่ร้าวเท่านั้น เหมือนเวลาเราไปถอนฟันแล้วหมอฉีดยาชาตรงฟันที่จะถอน เราโดนหยิกขา ขาเราก็ยังเจ็บอยู่ดี ยาชาไม่สามารถออกฤทธิ์ไปทั่วร่างกาย ยาชาเพียงช่วยให้เจี๊ยบหายใจแล้วไม่เจ็บจี๊ดๆ หายใจในสภาวะที่ใกล้เคียงกับคนปกติ หากระหว่างการแข่งเจี๊ยบโดนต่อยหน้า โดนต่อยท้อง หรือโดนต่อยตรงอื่นๆ ก็มีบาดแผล มีรอยช้ำ ยาชาไม่สามารถช่วยให้เจี๊ยบต่อยได้ดีขึ้น หลบหมัดได้ดีขึ้น หรือมีพละกำลังใดๆ มากขึ้น และเจี๊ยบไม่สามารถฉีดยาชาทั่วร่างกายได้ เพราะไม่ใช่ใครที่ปวดแขน ก็สามารถมาฉีดยาชาที่แขน ในทางตรงกันข้าม หากฉีดยาชาที่แขนจะทำให้กล้ามเนื้อสูญเสียการควบคุมการทำงานให้ดีตามปติ ทำให้คำนวณแรงในการชกยากขึ้น ลำบากขึ้นกว่าเดิมอีก จึงไม่มีใครเค้าทำกัน






ยาชา(Lidocaine)จึงไม่ใช่สารต้องห้าม และไม่ผิดกฎกติกาสากล (ทั้งนี้เจี๊ยบได้แนบเอกสารอ้างอิงจากองค์กรสากล รายการยาต่างๆ ที่ใช้แล้วถือว่าผิดกฎ ซึ่งยาชาไม่มีอยู่ในลิสต์ดังกล่าว) เพราะในความเป็นจริงแล้วตัวคนถูกฉีดยาชาเองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบในการแข่งขัน

หลังการแข่งมวยเจี๊ยบดูยังแรงดีอยู่เพราะตอนที่ซ้อม เจี๊ยบฝึกซ้อมมาหนักกว่าบนเวทีจริงเยอะ บนเวทีชกแค่ 3 ยก เจี๊ยบซ้อมมา 6-8 ยก หน้าเจี๊ยบไม่มีรอยแผลจากการโดนชก เพราะหมัดส่วนใหญ่โดน Head guard ไม่ได้ปะทะจังๆ เข้าที่หน้าเจี๊ยบ และหากหน้าเจี๊ยบถูกปะทะจากการโดนต่อย ยาชาที่กระดูกซี่โครงก็ไม่สามารถมีผลช่วย save เจี๊ยบจากรอยช้ำต่างๆ หรือ save เจี๊ยบจากการหน้าแหก ดั้งหัก หรือเลือดกำเดาไหลได้เลย




เจี๊ยบรับงานนี้มาและอยากรับผิดชอบงานตรงหน้านี้ให้จบ ให้สำเร็จ ลุล่วงไป ทีมงานทุกคนเหนื่อยกับการแข่งครั้งนี้มามาก ถามว่าคุ้มไหม ที่ซี่โครงร้าวอยู่ก่อนขึ้นชกแล้วผลสุดท้ายหลังชกเสร็จซี่โครงที่ร้าวอยู่หัก คือสำหรับเจี๊ยบชัยชนะหรือแพ้มันแค่คำตัดสินตามเกมกีฬา ผลจะออกมาเป็นยังไงเจี๊ยบรับได้หมด แต่ที่คุ้มค่าสำหรับเจี๊ยบ คือ เจี๊ยบได้พิสูจน์ตัวเจี๊ยบเอง พิสูจน์ใจเจี๊ยบเอง และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่คิดว่าเราน่าจะทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ไม่ได้ หรือคนที่มองและตัดสินไปแล้วว่าเราไม่เก่งพอหรืออ่อนแอ คงสู้เค้าไม่ได้หรอก อยากทำให้เค้าประหลาดใจและรู้ว่าเราทำได้นะ เจี๊ยบทำได้นะ คุณเองก็ทำได้เหมือนกัน เจี๊ยบอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนดูว่า 'อย่าดูถูกตัวเอง' และ 'อย่าเชื่อเวลาใครมาดูถูกความสามารถของเรา' ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเพศไหนขอแค่มีใจที่มุ่งมั่น และอดทนมากพอ คุณสามารถพิชิตสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เสมอ”




โดยหลังจากที่ “หมอเจี๊ยบ” ได้โพสต์ข้อความยาวเหยียดอธิบายและชี้แจงปมดราม่าดังกล่าวไปแล้วนั้น ก็มีบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมวงการและแฟนๆ เข้ามาคอมเมนต์ส่งกำลังใจให้กับเจ้าตัวไม่น้อยเลย

ติดตามข่าวบันเทิงเพิ่มเติม  



 ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม : jeab_lalana