ปิดฉากลงอย่างหรูหราแต่เรียบง่ายแล้วสำหรับพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รีและน.ส.เมแกน มาร์เคิล อดีตนักแสดงสาวชาวอเมริกัน โดยบาทหลวงแห่งแคนเทอร์เบอรี ได้ประกาศให้ทั้งคู่เป็นพระสวามีและพระชายาแล้ว ภายในโบสถ์เซนต์จอร์จ ในพระราชวังวินด์เซอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในวันนี้ (เสาร์ที่ 19 พฤษภาคม) โดยมาร์เคิล เข้าโบสถ์ในชุดเจ้าสาวสีขาว ซึ่งเป็นฝีมือการออกแบบชุดโดยแคลร์ เวจท์ เคลเลอร์ ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ พร้อมผ้าคลุมหน้าและมงกุฎประดับเพชร
ในพิธีเสกสมรส ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างพิธีการยุคใหม่และโบราณเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษ และรัชทายาทลำดับที่ 1 ซึ่งเป็นพระบิดาของเจ้าชายแฮร์รี ทำหน้าที่จูงมือมาร์เคิล จากบริเวณตรงกลางของโบสถ์ เพื่อเดินไปยังแท่นบูชา ส่วนเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งดูจะไม่ค่อยผ่อนคลายนัก เหมือนจะกล่าวคำขอบคุณพระบิดาว่า “Thanks, Pa” พร้อมตรัสกับเจ้าสาวของพระองค์ว่า “คุณดูอะเมซซิ่งมาก” ขณะที่ ดอเรีย แร็กแลนด์ มารดาของมาร์เคล วัย 61 ปี ดูเหมือนน้ำตาจะคลอเป้า และในระหว่างพิธีนั้น คณะประสานเสียงก็ขับร้องเพลง “Stand by me” เพลงฮิตในช่วงทศวรรษที่ 1960 ของนักร้องชื่อดัง เบน อี. คิง (Ben E. King) นักดนตรีชาวอเมริกันแนวเพลงโซล
จากนั้น ไมเคิล บรูซ เคอร์รี บาทหลวงสหรัฐผิวสี ก็กล่าวแสดงความยินดีต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติภายในโบสถ์ ซึ่งรวมทั้งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2, สมาชิกในราชวงศ์อังกฤษ และคนมีชื่อเสียงในวงสังคม เช่นโอปราห์ วินฟรี เจ้าแม่ทอล์กโชว์ของสหรัฐ, เอลตัน จอห์น นักร้องชื่อดังของอังกฤษ และเดวิด แบคแฮม อดีตนักฟุตบอลชื่อดัง ทีมชาติอังกฤษและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งบาทหลวงบรูซ พูดเรื่อง “There’s power in love” หรือ “พลังรัก” ด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยพลัง ซึ่งเขาได้อ้างถึงมาร์ติน ลูเธอร์ คิง นักต่อสู้ด้านสิทธิพลเรือนคนสำคัญของสหรัฐด้วย
นอกจากภายในโบสถ์เซนต์จอร์จ ที่มีแขกผู้มีเกียรตินั่งเต็มกันหมดแล้ว นอกพระราชวังวินด์เซอร์ ก็ยังมีประชาชนอีกนับแสนคน ที่รออยู่ 2 ข้างถนนลอง วอล์ก ที่เชื่อมต่อกับพระราชวัง โบกธงชาติอังกฤษ และส่งเสียงเชียร์ขณะรถยนต์ลิมูซีน โรลส์-รอยซ์ของมาร์เคิล แล่นผ่าน
ศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศในพื้นที่ใกล้สนามบินฮีทโธรว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลก ต้องปิดน่านฟ้าเหนือพระราชวังวินด์เซอร์ เป็นเวลา 15 นาที ก่อนพิธีจะเริ่มต้นขึ้น
ก่อนพิธีเสกสมรสครั้งนี้ไม่กี่ชั่วโมง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงพระราชทานฐานันดร “ดยุกแห่งซัสเซกซ์” ให้เจ้าชายแฮร์รี พระนัดดา ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มาร์เคิล อดีตนักแสดงสาวชื่อดังจากละครซีรีย์เรื่อง “Suits” ก็จะได้รับฐานันดรเป็นดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เมื่อเสกสมรสกัน
ภายใต้ท้องฟ้าที่แจ่มใส และแสงแดดแผดจ้า วงดนตรีทหารในเครื่องแบบสีแดงเข้ม สวมหมวกแบร์สกิน ก็บรรเลงเพลงให้ประชาชนที่แออัดกันอยู่หลังแนวกั้นได้รับฟัง เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ก็ออกลาดตระเวนตามท้องถนนและเฝ้าระวังจากอาคารสูงด้วย
ส่วนในกลุ่มของแขกคนดังนั้น ที่คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี ก็มีจอร์จ คลูนีย์ นักแสดงชาวอเมริกัน และอามัล ภรรยา อยู่อยู่กับเบคแฮม และวิกทอเรีย ภรรยาดีไซเนอร์แฟชั่น และเจมส์ คอร์เดน ชาวอังกฤษ เจ้าของรายการโชว์ทางทีวีอเมริกา “The Late Late Show” นอกจากนี้ ยังมีเซเรนา วิลเลียมส์ นักเทนนิสชื่อดังชาวอเมริกัน, เอลตัน จอห์น นักร้องชื่อดัง เพื่อนสนิทของเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาผู้ล่วงลับของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเอลตัน จอห์น เป็นผู้ร้องเพลง “Candle In The Wind” ในพิธีฝังพระศพของเจ้าหญิงไดอานา ในปี 2540, อิดริส เอลบา นักแสดงชาวอังกฤษ และอดีตเพื่อนสาว 2 คนของเจ้าชายแฮร์รี
คลิกอ่านข่าวพิธีเสกสมรส ประมวลภาพ พิธีเสกสมรส ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เมแกน มาร์เคิล “เจ้าสาวผู้โดดเดี่ยว” “หน้าที่นี้พ่อทำเอง” เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ อาสาทำหน้าที่พาเจ้าสาวเข้าโบสถ์ จบไหม? สุดท้าย บิดาเมแกน มาร์เคิล ยันไม่ร่วมพิธีเสกสมรส NEW18 รวบรวมภาพบรรยากาศงานเสกสมรส สวยงาม อบอวลไปด้วยความรักราวเทพนิยาย พิธีในโบสถ์ เซนต์จอร์จ ขบวนรถม้า เหมือนในเทพนิยาย
คู่รักราชวงศ์ ซึ่งรู้จักกันจากการนัดบอด ในปี 2559 และเริ่มปลูกต้นรักกันระหว่างไปตั้งแคมป์ภายใต้แสงดาวในประเทศบอตสวานา จนกระทั่งหมั้นกันในเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว และเข้าพิธีเสกสมรสที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ในพระราชวังวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นที่ประทับของกษัตริย์อังกฤษมาแล้ว 39 องค์ตั้งแต่ พ.ศ. 1609
พิธีเสกสมรสครั้งนี้ ปิดฉากลงอย่างราบรื่น สวยงาม หรูหรา แต่เรียบง่าย ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และประชาชนที่มาเฝ้าชมพิธีนับแสนคน
เสด็จพระดำเนินออกจากโบสถ์หลังเสร็จสิ้นพิธีเสกสมรส 
