สาวเล่านาทีชีวิต! จมคลอง ปลิงเกาะนาน 7 ชั่วโมง รอดตายหวุดหวิด

2021-01-28 17:00:43

สาวเล่านาทีชีวิต! จมคลอง ปลิงเกาะนาน 7 ชั่วโมง รอดตายหวุดหวิด

Advertisement

เปิดใจหญิงวัย 28 ปี หลังประสบเหตุหักหลบตัวเงินตัวทองก่อนรถไถลตกข้างทางพลิกคว่ำจมน้ำในคลอง สู้กับนาทีชีวิตมัจจุราชนานกว่า 7 ชั่วโมง โดยมีช่องอากาศ3 ซม. พอให้จมูกโผล่พ้นน้ำ ขณะที่ร่างกายและใบหน้าจมอยู่น้ำตลอดทั้งคืน พร้อมภาวนาสิ่งศักสิทธิ์คือพ่อและแม่ ขออโหสิกรรม หากมีบุญเหลือขอได้ออกไปเจอหน้าพ่อ แม่ และลูก ขณะตอนนี้ตนผวากลัวความมืด หากหลับตาก็จะเห็นภาพตอนประสบเหตุก็จะร้องไห้ ให้แม่มาอยู่ด้วยตลอด

ที่บ้านเลขที่ 19 /2 หมู่ 10 ต.บางอ้อ อ.บ้านนา จ.นครนายก เป็นบ้านไม้สองชั้นของ น.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ อายุ 28 ปี ผู้ประสบเหตุรถพลิกคว่ำตกลงไปในคลองจมน้ำอยู่นานกว่า 7ชั่วโมง และโกงความตายรอดชีวิตออกมาได้โดยมีคนส่งน้ำแข็งเอะใจและตัดสินใจลงไปช่วยชีวิตไว้ได้ก่อนที่จะจบชีวิตเนื่องจากกำลังจะหมดแรงในตอนนั้น จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ขออนุญาตนางวิวรรณ สัมฤทธิ์ อายุ 45 ปี แม่ของนางสาว ชัชฎาภรณ์ เพื่อขอเข้าไปพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ชื่นชม! 2 ฮีโร่หนุ่ม ช่วยชีวิตหญิงขับรถตกน้ำ (คลิป)

รวบ! เจ้าของ รร.ติวเตอร์บางแสน อนาจาร นร.หญิง

“ครูหนุ่ม” รับแล้ว! กุเรื่องเจอทอง แฉกลับมีนักข่าวช่วยจัดฉาก



เมื่อขึ้นไปยังที่ห้องพักของ น.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ พบว่ายังอยู่ในอาการบาดเจ็บยังไม่สามารถขยับตัวได้มาก จากนั้นจึงได้สอบถามเรื่องราวทีเกิดขึ้น ว่าเป็นมาอย่างไร ซึ่ง น.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ เล่าว่า ตนกลับมาจากบ้านพี่สาวตอนนั้นเวลาประมาณ 24.00 น. ใช้ถนนเส้นนี้เดินทางในช่วงเวลาเกิดเหตุอยู่ทุกวัน ในวันเกิดเหตุขณะที่ตนขับขี่หลุดมาจากโค้งในเลนซ้ายตนเห็นตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่เดินขึ้นมายังเลนซ้ายตนจึงได้หักรถหลบมายังเลนขวา ทำให้ล้อรถตกหลุมใหญ่จากนั้นได้พยายามหักพวงมาลัยก่อนที่จะเสียหลักตกลงไปในคลองข้างทาง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนจำได้ทุกอย่างเพราะตนเองไม่ได้หลับเลย ซึ่งหลังจากที่รถเสียหลักรถได้ค่อยๆไหลลงคลองตอนนั้นตนรู้สึกว่าได้เหยียบคันเร่งด้วยในตอนนั้น ตอนลงไปทางเป็น2ระดับ คือดินและคลอง โดยเมื่อลงไปสุดดินรถได้พลิกหงายแล้วลงไปในน้ำ ตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่าน้ำเริ่มเข้ามาในรถ ตนได้พยายามเปิดประตูรถแต่เปิดได้ช่องเล็กๆประมาณ 3 ซม. ตอนนั้นน้ำก็ได้ดันเข้ามาเยอะมากจนท่วมถึงบริเวณหน้าท้อง ตนรู้และว่าจะต้องจมน้ำ ตอนนั้นรถก็ได้ไหลลงไปในน้ำเรื่อยๆ ตนจึงพยายามถีบตัวเองจากเบาะหน้าไปยังเบาะหลัง พยายามควานหาเพื่อเปิดรถแต่เปิดไม่ได้เพราะเซ็นทรัลล๊อค ส่วนโทรศัพท์ก็หลุดมือหายไปกับน้ำ



ในวินาทีนั้นตนยังพอมีแรงอยู่ก็ได้พยายามทุบกระจก จับคว้าอะไรได้ก็ทุบหมด แต่กระจกก็ไม่แตก และพยายามเอาหัวเบาะออกมางัดก็ไม่สำเร็จ ซึ่งตอนนั้นรถก็อยู่ในสภาพหงายท้อง ระดับน้ำก็เริ่มท่วมจะมิดคอแล้ว ตนก็เริ่มมุดน้ำและใกล้จะหมดแรง ตอนนั้นพยายามกระเสือกสะสนเอามือคลำทั่วตัวรถ ด้วยรถตนเป็นรถ5ประตู เพื่อหาที่พักเพื่อที่จะหายใจ โชคดีที่เจาะช่องที่ใกล้รถมีช่องเล็กๆประมาณ 3-4 ซม. ที่พอจมูกโผล่ออกมาได้ โดยตัวได้พาดอยู่กับเบาะ ตอนนั้นได้แต่ร้องไห้พูดกับตัวเองอยู่ตลอด...ตายไม่ได้นะ ยังไงก็ตายไม่ได้ จนกระทั่งรู้ตัวว่าร่างกายไม่ไหว เนื่องจากตอนนั้นตนได้สู้กับตัวเองได้อยู่สักพักหนึ่งจึงบอกกับตัวเองว่า...ยอมละ ตายก็ตายและได้สั่งลา พ่อแม่ ลูก และทุกคนที่ตนรัก... จากนั้นก็ไปนอนรอความตาย และร้องไห้จนไม่มีน้ำตา และได้บอกกับตัวเองอีกครั้งว่า ....ถ้าหนูยังมีบุญวาสนาหลงเหลืออยู่ขอให้มีลมหายใจจนมีคนมาช่วย... จากนั้นก็นอนหลับตาขณะที่ตาก็เปียกน้ำแต่หูนั้นได้ยินหมด ได้ยินเสียงรถผ่านตอนที่ตนประสบเหตุใหม่ๆ ตนก็ได้ยินแต่มีใครเห็น เพราะตอนนั้นพื้นที่ที่ตนจมลงไปมืดมาก และในรถตนก็มองอะไรไม่เห็นและน้ำก็ดำ

จนกระทั่งเวลาผ่านไป มีคนเข้ามาช่วยตนก็ยังรู้เรื่องอยู่ในตอนนั้นยังไม่มีแสงสว่างเข้ามา จนกระทั่งมีแสงสว่างเข้ามาให้ตนได้เห็นแสงแรกตอนที่คนส่งน้ำแข็งมาเปิดประตูรถ ในตอนแรก ตนได้ยินเสียงว่า .....ตายมั้งน่ะ คนตายอยู่ในรถ.... ตอนนั้นตนรู้สึกดีใจและรู้เลยว่ามีคนเข้ามาช่วยตนแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้ว่าตอนนั้นเวลาเช้าแล้ว และพอคนส่งน้ำแข็งเปิดประตูรถได้สภาพใบหน้าตนที่จมอยู่ในน้ำเหลือแต่เพียงปลายจมูก ได้มีแสงลอดผ่านน้ำเข้ามากระทบที่ใบหน้าตน ตอนนั้นตนได้รวบรวมแรงที่มีพุ่งตัวออกมาจากในรถ ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกเหมือนว่า ตายแล้วเกิดใหม่ ตอนนั้นตนได้ออกมานั่งอย่าชายรถในความรู้สึกงง เพราะคิดว่าตนอาจจะตายไปแล้วและวิญญาณออกจากร่าง และหันไปมองรถตัวเองแล้วพูดกับตัวเองว่าเราอยู่นั้นหรอและและนี่ใช้ตัวเราเองหรือเปล่า

หลังจากที่ตนออกมาจากในรถได้ก็พบว่าปลิงได้เกาะเต็มตัวเลือดได้ไหลอาบตั้งแต่คอลงไปซึ่งปลิงที่กัดตนนั้นได้กัดกินเลือดจนหลุดออกไปเอง ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้สึกอะไร

ทั้งนี้ตนเองอยากขอบคุณคนส่งน้ำแข็งและชาวบ้านที่มาช่วยคนมาก ว่าพวกเขาได้ให้ชีวิตใหม่ตนและถ้าไม่ได้คนส่งน้ำแข็งทั้งสองคนมาเห็นและตัดสินใจมาช่วย ป่านนี้ตนคงตายไปแล้ว ซึ่งหากทั้งสองไม่มาช่วยตนในเวลานั้น และเวลาผ่านไป 30 นาที หรือ 1 ชั่งโมงตนก็คงหมดแรงไปแล้วอีกทั้งอากาศก็เริ่มจะหมด โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ห้อยไว้ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ตอนที่ประสบเหตุคิดถึงและนึกถึงแต่หน้าพ่อกับแม่อยู่ในหัวตลอด พร้อมภาวนาขออโหสิพ่อแม่อยู่ตลอด และบอกว่าหากตนยังมีบุญหลงเหลืออยู่ขอให้ยังมีลมหายใจเพื่อได้ออกไปหน้าลูกหน้าพ่อหน้าแม่อีกรอบหนึ่ง



อาการบาดเจ็บตอนนี้มีอาการปวดที่ซีกขวายังลงน้ำหนักไม่ได้ มีอาการฟกข้ำตามร่าสงกาย และบาดแผลจากปลิงที่มากัดตามร่างกาย ซึ่งตอนนี้ตนไม่ได้กลัวการขับรถ แต่รู้สึกเข็ดและกลัวความมืดและตอนนี้เวลาที่หลับตาภาพตอนประสบเหตุก็ขึ้นมาในหัวตลอดตนก็จะร้องไห้และร้องเรียกแม่ให้มาอยู่ด้วยตลอด