ปัญหาหมอกควันเชียงใหม่เริ่มรุนแรง เริ่มส่งผลกระทบสุขภาพ

2021-01-18 14:45:33

ปัญหาหมอกควันเชียงใหม่เริ่มรุนแรง เริ่มส่งผลกระทบสุขภาพ

Advertisement

สถานการณ์ปัญหาหมอกควัน จ.เชียงใหม่เริ่มรุนแรง ค่า AQI เพิ่มขึ้นสูงเป็นอันดับ 14 ของโลก

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ปัญหาหมอกควันของ จ.เชียงใหม่ในเช้าวันนี้พบว่า ได้มีหมอกควันเริ่มปกคลุมตัวเมืองอย่างเห็นได้ชัด โดยจากการตรวจสอบ จากการตรวจวัดค่า AQI เว็ปไซด์ Air Visual.com เช้าวันนี้ตั้งแต่เวลา 09.00 น. พบว่าค่า US AQI ของจังหวัดเพิ่มขึ้นสูงถึง 156 คุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 14 ของโลก ขณะที่ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานผลผ่านทางเว็บไซต์ air4thai พบว่า เช้านี้ที่บริเวณสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ต.ช้างเผือก อ.เมือง พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 57 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

*"อัจฉริยะ"ชี้คน 2 ซิมฆ่า "น้องชมพู่"

ถวาย “ปิ่นโตยักษ์” ไอ้ส้มฉุน หลังให้เลขสุดปัง

"หมอ"เตือนระวังอาการข้างเคียงจากการฉีด"วัคซีนโควิด"

ส่วนที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง, เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 59 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนทั่วไป: ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ส่วนประชาชนกลุ่มเสี่ยงควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์



ขณะที่ทางด้าน ศูนย์บัญชาการป้องกันแก้ไขไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า ในเช้าวันนี้ได้มีการตรวจสอบผ่านทางเรด้าห์ พบว่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีจุดความร้อน hotspot จำนวน 7 จุด พบอำเภอเชียงดาว 2 จุด แม่แจ่ม 3 จุด และแม่วางและจอมทองอย่างละ 1 จุด เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการดับควบคุมไฟป่าแล้ว ทั้งนี้ทางด้าน นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ ได้มีการวางแผน เตรียมการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่อำเภอโซนเหนือ เพื่อเตรียมบริหารจัดการเชื้อเพลิงช่วงเดือน มี.ค.-เดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ โดยเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายทำงานด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน เข้าใจเป้าหมาย และเข้าใจการบริหารจัดการ ซึ่งในระดับตำบล และหมู่บ้านจะต้องบริหารจัดการกำหนดเป้าหมายให้สอดคล้องกับจังหวัด โดยเฉพาะการลดจุด hotspot การเผาไหม้ให้ได้ ร้อยละ 25 และกำหนดเป็นพื้นที่บริหารจัดการ หรือพื้นที่ป้องกันไม่ให้เกิดไฟ รวมถึงการทำแนวกันไฟ การวางแนวทางในการลาดตระเวนป้องกันรักษาป่า การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครองและฝ่ายท้องถิ่น รวมทั้งการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ป้องกันรักษาป่า ซึ่งจะต้องทำงานด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน เข้าใจเป้าหมาย และเข้าใจการบริหารจัดการ