โพลชี้"คนไทย"รู้เท่าทันต่างชาติ"กินบนเรือน-ขี้บนหลังคา"

2021-03-26 10:35:58

โพลชี้"คนไทย"รู้เท่าทันต่างชาติ"กินบนเรือน-ขี้บนหลังคา"

Advertisement

"ซูเปอร์โพล" ชี้คนไทยรู้ทันต่างชาติ หนุนม็อบหวังกอบโกย เปรียบ "กินบนเรือน-ขี้บนหลังคา"


สะพัด พปชร. จ่อเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค

เปิดโลโก้ "พรรครวมไทยสร้างชาติ" รอ กกต.เคาะรับรอง

“ไทยตอนบน” ชุ่มฉ่ำอีกรอบ 27-30 มี.ค.







เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง จุดต่างม็อบ 3 นิ้วในเมียนมา กับไทย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,333 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 22-25 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ที่น่าพิจารณา คือ ความเห็นของประชาชนต่อจุดต่างม็อบ 3 นิ้วในเมียนมา กับ ไทย ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.7 ระบุว่า ในเมียนมา ความรุนแรงและการสูญเสียชีวิตของประชาชนมาจากเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ในประเทศไทย ม็อบ 3 นิ้วเป็นผู้เริ่มทำผิดกฎหมาย ใช้ความรุนแรง ใช้ระเบิดปิงปอง ใช้ระเบิดเพลิง เผาทรัพย์สินจากเงินภาษีของประชาชน และใช้ความรุนแรงทำร้ายสถาบันหลักของชาติ ทำลายจิตใจของผู้อื่นผู้ศรัทธาจงรักภักดี ขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.6 ระบุว่า ม็อบ 3 นิ้วในเมียนมา ได้แก่ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ แตกต่างจากม็อบ 3 นิ้วในไทย นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.4 ระบุว่า ในเมียนมา นักการเมืองเรียกร้องให้ปล่อยตัว นางอองซาน ซูจี อดีตผู้นำประชาธิปไตย แต่ในประเทศไทย นักการเมืองบางพรรค บางคน นักวิชาการบางคน และม็อบ เรียกร้องให้ปล่อยคนทำผิดกฎหมายบ้านเมือง คุกคามผู้อื่น เบียดเบียนผู้อื่น ทำลายทรัพย์สินเงินภาษีประชาชน


ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.3 ระบุว่า ในประเทศไทย คนไทยมีเสรีภาพใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ขออย่าทำผิดกฎหมาย มีความเสมอภาคมากกว่าหลายประเทศ และภราดรภาพไปไหนมาไหนเป็นคนแปลกหน้าก็เรียกพี่เรียกน้อง ลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายายกัน ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ไม่เหยียดสีผิว ดีกว่าหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.8 ระบุว่า รัฐบาลเมียนมา วันนี้ มาจากรัฐประหารโดยทหาร แต่ในประเทศไทยรัฐบาลไทยวันนี้มาจากประชาชน ผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.6 มีความเห็นว่า ถ้าตำรวจไม่จัดการขั้นเด็ดขาดกับม็อบ ม็อบก็จะทำตัวเหนือกฎหมาย ใช้ระเบิด ไม่ใช้สันติวิธี ม็อบคุกคามผู้อื่น เบียดเบียนผู้อื่น เผาทำลายทรัพย์สินส่วนรวมเงินภาษีของประชาชน ทำบ้านเมืองวุ่นวายซ้ำเติมวิกฤตทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนมากขึ้นไปอีก แนะให้ชุมนุมในที่ที่สงบ ไม่กระทบการเดินทางผู้อื่นของผู้เห็นต่าง ขณะที่ร้อยละ 15.4 มีความเห็นว่า ตำรวจไม่ควรจัดการม็อบด้วยความรุนแรง เพราะจะทำให้เกิดความรุนแรงบานปลายเข้าทางขบวนการปลุกปั่นให้คนไทยในชาติแตกแยก เข้าทางพวกต้องการโหมไฟทำลายล้างประเทศชาติบ้านเมือง และคนในม็อบบางคนถูกยั่วยุเข้าร่วมม็อบด้วยความรู้ไม่เท่าทัน 




ที่น่าเป็นห่วง คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.5 มีความเห็นว่า คนหนุนม็อบ คือ คนเสียผลประโยชน์ เสียอำนาจ ต้องการให้บ้านเมืองวุ่นวายเพื่อตนเองได้ประโยชน์ หากินกับความวุ่นวายของบ้านเมือง มีบางส่วนหนุนด้วยความไม่รู้และถูกปลุกปั่นมาจากโลกโซเชียล ขณะที่ร้อยละ 16.5 มีความเห็นว่า คนหนุนม็อบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย มาม็อบเพราะต้องการแสดงออก มีความต้องการที่แตกต่างกันไป ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 99.1 ระบุว่า ชาวต่างชาติ องค์กรต่างชาติ เอื้อประโยชน์ให้แกนนำและญาติพี่น้องของแกนนำม็อบไทย ต้องการจะเข้ามาแทรกแซงจัดระเบียบประเทศไทย หวังกอบโกยผลประโยชน์ชาติไทยหลังการสูญเสีย และคนไทยอ่อนแอไร้อำนาจต่อรอง เพราะคนไทยแตกแยกกัน เหมือนที่พวกเขาทำในหลายประเทศทั่วโลกมาแล้ว มีเพียงร้อยละ 0.9 เท่านั้นที่คิดว่า ไม่มีชาวต่างชาติจะเข้ามากอบโกยอะไร 


ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าคนไทยส่วนใหญ่แยกแยะออกเห็นความแตกต่างระหว่างม็อบ 3 นิ้วในเมียนมา กับ ม็อบ 3 นิ้วในไทย ดังนั้นข้อมูลผลสำรวจจึงเป็นตัวยืนยัน ส่งสัญญาณไปยังขบวนการของชาวต่างชาติ และองค์กรต่างชาติที่มาหากินผลประโยชน์ในประเทศไทยโดยระดมทุนต่างๆ ในประเทศไทย พวกต่างชาติเหล่านี้กำลังทำตัวเสมือน "กินบนเรือน ขี้บนหลังคา" มาทำมาหากินในบ้านของเขาแล้วยังมาทำไม่ดีจะมาเผาบ้านของเขาอีก ดังนั้นคนไทยทุกคนจึงต้องรู้เท่าทัน และรู้รักสามัคคี เพราะข้อมูลที่ค้นพบชี้ชัดมาตลอดว่า กระแสต่างๆ ถูกปั่นมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในโลกโซเชียลที่มีการปลุกระดมทำให้คนไทยเกิดความแตกแยกกันจากต่างประเทศ มีบางคนแอบแฝงว่าอยู่ต่างประเทศมาทำร้ายบ้านของตนเองก็มี ที่สำคัญ คือ มีนักการเมืองบางพรรค และนักศึกษาบางคน ใฝ่ฝันจะได้รับผลประโยชน์จากต่างชาติในรูปแบบต่างๆ จึงร่วมมือกับพวกเขาสนับสนุนม็อบใช้ความรุนแรง ทำลายบ้านของตัวเองเพื่อเปิดช่องให้พวกเขาเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ชาติของประเทศไป ที่น่ากลัว คือ เยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งไม่ใช่ส่วนใหญ่ของประเทศ กำลังถูกสร้างทัศนคติที่เป็นพิษต่อประเทศของตนเอง ถูก บอท (Bot) เอไอ (AI) และคนในขบวนการส่งข้อมูลไปยังมือถือของเด็กและเยาวชน สร้างทัศนคติและพฤติกรรมทำลายชาติ ทำคนในชาติแตกแยกโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเสนอแนะให้ใช้ยุทธศาสตร์ "ชาติสร้างเยาวชน" เอาทุกคนมาเป็นพวกปกป้องผลประโยชน์ชาติ รักษาสถาบันหลักของชาติ ด้วยความกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน