ปคบ.ตามรวบ"หมอเถื่อน"ฉีดฟิลเลอร์ทำคนไข้ตาบอด!​

2021-02-28 15:50:52

ปคบ.ตามรวบ"หมอเถื่อน"ฉีดฟิลเลอร์ทำคนไข้ตาบอด!​

Advertisement

ปคบ.บุกรวบ "หมอเถื่อน" ลักลอบโบท๊อกซ์-ฉีดฟิลเลอร์ ลวงผู้ใช้บริการ จนตาบอด

สาวโวยหมอ! ผ่าตัด “เนื้องอกใบหู” แต่กลับตัด “หูแหว่ง”

เกลี้ยงแผงแล้ว! “เลขวันเกิดบิ๊กตู่”

โพลชี้ไม่กดดัน"บิ๊กตู่"ปรับ ครม.เชื่อได้"คนดี"แก้วิกฤตประเทศ

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา, พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม, พ.ต.ท.จตุรงค์ ผลเกิด รอง ผกก.4 ปคบ., พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.4 บก.ปคบ. นำกำลังเข้าจับกุม นายธนพิพัฒน์ ฉายา"หมอดั้ม" (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2530/2558 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ในความผิดฐาน "กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา และร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านไม่มีเลขที่ กลางซอยหนองใหญ่ 14 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี




สำหรับการจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจาก นายธนพิพัฒน์ ทำงานอยู่ในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านดินแดง มีหน้าที่รักษา ฉีดฟิลเลอร์ และทำโบท็อกซ์ให้กับลูกค้าทั่วไป ต่อมามีผู้เสียหาย 2 รายเดินทางไปรักษาที่คลินิกดังกล่าว รายแรกเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2557 นายธนพิพัฒน์ ได้ทำการฉีดฟิลเลอร์ให้กับผู้เสียหายที่บริเวณร่องแก้ม และฉีดโบท๊อกซ์ที่บริเวณหน้าผากและบริเวณกราม โดยหลังจากฉีดเสร็จผู้เสียหายรู้สึกปวดแสบปวดร้อนทั่วใบหน้า วันต่อมาพบว่าบริเวณจมูกมีอาการอักเสบและมีหนองไหลออกมา ส่วนรายที่ 2 เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2557 นายธนพิพัฒน์ ได้ทำการฉีดโบท๊อกซ์ให้ผู้เสียหายที่บริเวณแก้ม 1 ยูนิต และฉีดฟิลเลอร์ที่จมูก 2 ซีซี หลังจากนั้นผู้เสียหายรู้สึกปวดที่สันจมูกระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง โดยดวงตาขวามีน้ำตาไหลออกมา และรู้สึกว่าดวงตาข้างขวามองไม่เห็น จากนั้นรู้สึกแน่นหน้าอกและช่องท้อง ก่อนจะอาเจียนออกมา ต่อมาดวงตาข้างขวาของผู้เสียหายบอดสนิท


จากนั้นผู้เสียหายทั้ง 2 รายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ประกอบกับได้รับการประสานงานจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข หรือ สบส. และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวด้วย จึงร่วมกันนำหมายค้นศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ ค.26/2557 ลงวันที่ 30 พ.ค.2557 ไปทำการตรวจค้นคลินิกดังกล่าว เมื่อไปถึงพบว่าคลินิกดังกล่าวปิดล็อคกุญแจไว้ ผลการตรวจค้นไม่พบเจ้าหน้าที่อยู่ในคลินิก แต่ตรวจพบยาแผนปัจจุบันซึ่งมีทั้งทะเบียนตำรับยา และไม่มีทะเบียนตำรับยา จำนวน 17 รายการ และพบเอกสาร รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในสถานพยาบาล จำนวน 33 รายการ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง


เมื่อตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ปรากฏว่าไม่พบการอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลดังกล่าว และเมื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ไม่ปรากฏชื่อของ นายธนพิพัฒน์ ในทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา แต่อย่างใด พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาต่อศาล ภายหลังสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวจึงนำกำลังจับกุม เบื้องต้น นายธนพิพัฒน์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีไปตามกฎหมาย