"ตำรวจควบคุมฝูงชน"ยืนกรานปัดใช้"แก๊สน้ำตา"กับ"ราษฎร"

2021-02-14 13:30:56

"ตำรวจควบคุมฝูงชน"ยืนกรานปัดใช้"แก๊สน้ำตา"กับ"ราษฎร"

Advertisement

ผบช.น.ยัน ตร.ควบคุมฝูงชน ไม่ได้ใช้ "แก๊สน้ำตา" สลายการชุมนุมของ "กลุ่มราษฎร"

"คุณหญิงพันธุ์เครือ"แจงยิบ ปมหย่าฟ้องคดีกับ "บิ๊กจิ๋ว"

ศบค.รายงานผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 166 ราย

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. แถลงแจงกรณีเหตุชุลมุนจากการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ซึ่งจัดกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวานนี้ โดยในเวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมชักชวนกันเดินทางไปศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ ตำรวจจึงต้องตั้งแนวกำหนดอาณาเขต เมื่อผู้ชุมนุมมาถึงมีการขว้างปาสิ่งของ ก้อนหิน ขวดน้ำ และวัตถุระเบิดแรงดันต่ำ เป็นเหตุให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ แก้วหูฉีกขาดเพราะแรงอัดของระเบิดแรงดันต่ำ โดนเหล็กแหลม และโดนก้อนหินรวม 23 นาย และหลังจากมีการประกาศยุติการชุมนุม ยังคงมีผู้ชุมนุมบางส่วน ก่อความวุ่นวายและชุมนุมต่อจนอีก 30 นาที เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้การผลักดัน พร้อมยืนยันไม่ได้ใช้น้ำฉีด แก๊สน้ำตา และกระสุนยางแต่อย่างใด โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ชุมนุมที่ก่อความไม่สงบรวม 11 ราย โดยมี 3 รายเป็นกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในการชุมนุมแต่มีอาการเมาสุรา จึงเปรียบเทียบปรับแล้วปล่อยตัวไป ส่วนอีก 8 รายเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งขณะนี้ถูกคุมตัวอยู่ที่ ตชด.ภาค 1 โดยหลังจากนี้ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำลายทรัพย์สินจากการรื้อถอนสิ่งของรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมไปถึงกลุ่มที่ทำร้ายเจ้าพนักงาน ด้วยการขว้างปาสิ่งของ ขวด ก้อนหิน และระเบิดแรงดันต่ำ




ผบช.น. กล่าวอีกว่า ในส่วนของบุคคลที่ระบุว่าเป็นแพทย์อาสา ซึ่งอ้างว่าถูกตำรวจรุมทำร้ายร่างกาย จนโลกโซเชียลติดแฮชแทคเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าบุคคลดังกล่าวไม่ได้ประกอบอาชีพพยาบาล หรือแพทย์ แต่อาจทำหน้าที่แพทย์อาสาให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งตำรวจมีพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มที่ก่อความวุ่นวาย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า จากการตรวจค้นร่างกายบุคคลดังกล่าวพบอาวุธประเภทกระบองเหล็กซุกซ่อนอยู่ภายในเสื้อ ส่วนเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า ในเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง รับแจ้งเกิดเหตุยิงกัน เมื่อเข้าตรวจสอบได้รับแจ้งว่าผู้ก่อเหตุอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ตำรวจจึงพยามควบคุมตัวแต่ถูกการ์ดและผู้ชุมนุมขัดขวาง จากนั้นเมื่อมาถึง สน.นางเลิ้ง ผู้ชุมนุมยังก่อเหตุความวุ่นวายไม่หยุด ตำรวจชุดสืบสวนจึงต้องใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อระงับเหตุ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ไม่ไช่ผู้ก่อเหตุยิง โดยมีพยานหลักฐานบุคคล และกล้องวงจรปิด ซึ่งยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวมารับประทานอาหารที่ร้านสะดวกซื้อ ส่วนผู้ก่อเหตุตัวจริงยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบและติดตามตัว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจเขม่าดินปืน และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดโดยเร่งด่วนแล้ว ส่วนกรณีอดีตผู้เข้าประกวดนางงาม โพสต์ข้อความว่า ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตานั้น ยืนยันว่าไม่มีการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมแต่อย่างใด หากเจ้าตัวอยากเข้าแจ้งความร้องทุกข์หรือให้ปากคำทางตำรวจก็ยินดี และจะเป็นประโยชน์กับรูปคดีเป็นอย่างมาก


ผบช.น. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีการชุมนุมที่สามย่านมิตรทาวน์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกแกนนำ 3 คนที่ขึ้นเวทีปราศรัยให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 18 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ สน.ปทุมวัน ส่วนเหตุการณ์ชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ก.พ. พนักงาานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม 12 คน ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 19 ก.พ. เวลา 10.00 น. ที่ สน.ยานนาวา ในจำนวนนี้มีแกนนำ 3 คน คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ และนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง รวมอยู่ด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า ได้มีหนังสือรายงานข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมฝูงชนให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ กรณีมีคำสั่งให้ตรวจสอบว่าเมื่อวันที่ 13 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนซึ่งเข้าพื้นที่การชุมนุม มีการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมหรือไม่ จากการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว ยืนยันว่า ไม่มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ใช้แก๊สน้ำตาในการสลายการชุมนุมอย่างแน่นอน และในวันดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจำนวน 2 กองร้อยออกปฏิบัติหน้าที่ โดยกองร้อยแรกมีการเบิกแก๊สน้ำตาติดตัวไป ก่อนนำกลับมาคืนจนครบจำนวน ซึ่งไม่มีการใช้งานแก๊สน้ำตาแต่อย่างใด ส่วนกองร้อยที่ 2 มีเหตุปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมจนทำให้กระป๋องแก๊สน้ำตาตกหล่นอยู่ในพื้นที่ เป็นเหตุให้นักข่าวสามารถเก็บภาพได้ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วภาพดังกล่าวแล้วเป็นกระป๋องแก๊สน้ำตาที่ยังไม่ได้ใช้งานแต่อย่างใด