"สิริพงศ์" ขึ้นศาลปกครองครั้งที่ 2 คดีรถไฟฟ้าสายสีเขียว

2021-02-11 22:10:45

"สิริพงศ์" ขึ้นศาลปกครองครั้งที่ 2 คดีรถไฟฟ้าสายสีเขียว

Advertisement

"สิริพงศ์" ขึ้นศาลปกครองครั้งที่ 2  คดีรถไฟฟ้าสายสีเขียว อึ้ง กทม.ตอบศาล รายงานการประชุมสภากทม.ต้องรอเป็นปี

เปิดมิติใหม่แห่งการขายเสื้อผ้า ผัวนอนนิ่ง ๆเป็นแบบให้เมีย

สุดซึ้งหนุ่มตกงาน พาสุนัขคู่ใจ เดินเท้ากลับบ้านไปหาแม่ จ.เลย

หมอเฉลยแล้ว "น้ำมะพร้าว" เพิ่มพลังเซ็กส์จริงหรือ?

แพทย์แผนไทยแจงชัดสรรพคุณ "น้ำมะพร้าว"

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย เปิดเผย ภายหลังการขึ้นไต่สวนที่ศาลปกครองกลาง ครั้งที่ 2 ตามประกาศกรุงเทพมหานคร ในกรณีเก็บค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียว 104 บาท ว่า ศาลเรียกคู่กรณีมาไต่สวนเพิ่มเติมถึงเหตุผลว่าทำไม กทม. ถึงมีการเลื่อนการจัดเก็บค่าโดยสาร 104 บาทออกไป และขั้นตอนในการดำเนินการเลื่อนทำอย่างไร และภาระที่ กทม.ระบุก่อนหน้านี้ว่า หากไม่มีการปรับขึ้น กทม.จะได้รับผลกระทบนั้นเป็นอย่างไร ทั้งนี้ กทม.ชี้แจงว่าการเลื่อนการขึ้นค่าโดยสารเป็นนโยบายของ ครม.ที่ต้องการลดภาระของประชาชน แต่ก็ไม่ได้มีลายลักษณ์อักษรยืนยัน ส่วนขั้นตอนการเลื่อนการจัดเก็บค่าโดยสาร ได้มีการเสนอเข้าที่ประชุมสภา กทม. เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งทางศาลได้ขอรายงานการประชุม แต่ทาง กทม.ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะจัดส่งได้เมื่อใด รวมทั้งชี้แจงว่าการไม่ปรับค่าโดยสารในขณะนี้ก็ยังคงจะสร้างภาระให้กับ กทม.อยู่เช่นเดิม แต่สามารถชะลอได้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน


"ผมพยายามชี้ให้ศาลเห็นว่าการที่ กทม.ยังทำตามกระบวนการไม่ครบถ้วนในการลดค่าโดยสาร เช่น รายได้เชิงพาณิชย์ตามสถานีต่าง ๆ ที่มีการโฆษณาบนรถไฟฟ้า กทม.ไม่ได้มีการดำเนินการจัดเก็บใด ๆ เพื่อจะมาลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน เอกสารที่ศาลขอให้กทม.จัดส่งมาก่อนหน้านี้ กทม.ก็ยังส่งมาไม่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการคิดราคาค่าโดยสาร สัดส่วนการเทียบราคาต่าง ๆ จึงตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็นการประวิงเวลาหรือไม่ ซึ่งศาลก็ได้มีการขอเอกสารเพิ่มเติมอีกหลายรายการกับ กทม."นายสิริพงศ์ กล่าว

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ศาลได้ถามว่า กทม.จะจัดส่งเอกสารได้เมื่อใด อย่างเช่นตอนแรก กทม.จะขอส่งสรุปรายงานการประชุมสภา กทม. แต่ได้แย้งว่ารายงานสรุปไม่เพียงพอ ต้องเป็นรายงานการประชุมที่มีการรับรองอย่างถูกต้อง ซึ่ง กทม.ก็แย้งว่าถ้าจะให้ส่งรายงานฉบับนี้อาจต้องใช้เวลาเป็นปี ศาลก็ถามว่าทำไมจะต้องใช้เวลานานขนาดนั้น เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเรียกเอกสารรายงานการประชุมสภา กทม. จะได้เห็นว่ามติการให้เลื่อนจัดเก็บค่าโดยสารออกไปเป็นอย่างไร การรับสัมปทาน ถ่ายโอนภาระหนี้จาก รฟม. ชอบหรือไม่ชอบอย่างไร รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวกับ 11 ประเด็นที่เราขอเพิ่ม ศาลมีหมายเรียกเอกสารไปยัง กทม.แล้ว เพราะไม่ส่งมา หากได้มาจะนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกับการกระทำที่มันใกล้เคียงกัน เช่นการวิ่งของ รฟม. การวิ่งของรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เพื่อดูว่าการกำหนดราคามันสมเหตุสมผลหรือไม่


นายสิริพงศ์ กล่าวว่า คำสั่งเรื่องการเลื่อนขึ้นค่าโดยสารของ กทม. แต่ประกาศ กทม.ไม่ได้ถูกยกเลิก ต่อมาถ้าพบว่าอัตราค่าจ้างของ กทม.ที่มีต่อบีทีเอส ไม่ชอบ และสุดท้ายส่วนต่างมีจำนวนมาก เราเห็นว่าประโยชน์จะไม่ได้ตกที่ประชาชน แต่เป็นผลเสียมากกว่า รายได้เชิงพาณิชย์ตามสถานีต่าง ๆ ต้องรอให้มีการคุยเรื่องขยายสัมปทาน ที่ต้องเสนอต่อครม.ก่อนนั้น นายสิริพงศ์ ระบุว่า มติ ครม. พูดเรื่องการเดินรถ ทรัพย์สินเป็นของกทม. เพราะรับโอนมาจาก รฟม.แล้ว วันนี้ กทม.รู้ว่าตัวเองมีภาระหนี้ สมมุติว่าเขารับสัมปทานตัวนี้มา เขาอาจจะเสนอขายเป็นก้อนก็ยังได้ มันอยู่ที่วิธีเจรจาสัมปทาน แต่วันนี้ กทม.ไม่ได้คิดถึงวิธีลดภาระให้กับประชาชน นอกจากจะจัดเก็บค่าโดยสารเพิ่ม

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ข้อที่อ้างว่าจัดเก็บรายได้เชิงพาณิชย์ตามสถานีไม่เยอะ อย่างส่วนต่อขยายที่ 1 ตรงตากสิน-วงเวียนใหญ่ มีรายได้อยู่ประมาณ 33 ล้านบาท คิดเป็น 5-8 เปอร์เซ็นต์ ผมก็คิดว่านี่เป็นระยะทางสั้นๆ เขายังเก็บได้ขนาดนี้ แต่สายสีเขียวรอบนอกที่วิ่งฟรีอยู่ ที่บอกว่าขาดทุน เดือนละ 100 ล้านบาท จึงคิดว่าเป็นการลดภาระให้กับประชาชนเหมือนกัน แม้ข้อเท็จจริงมันจะเทียบกันไม่ได้ แต่กทม.ต้องทำให้เห็นก่อนว่าพยายามเต็มที่แล้ว