"ชูวิทย์"ชม "สรยุทธ์"ลูกผู้ชายตัวจริง ควรออกมาทำประโยชน์ต่อสังคมดีกว่าอยู่ในคุก

2021-02-04 12:03:57

"ชูวิทย์"ชม "สรยุทธ์"ลูกผู้ชายตัวจริง ควรออกมาทำประโยชน์ต่อสังคมดีกว่าอยู่ในคุก

Advertisement

"ชูวิทย์"แจง "สรยุทธ์"เข้าเกณฑ์พักโทษเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม จัดรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” ทำให้สถานการณ์ที่โกลาหลเรื่องโควิดดีขึ้น  ชี้ยอมรับผิดติดคุกถือว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ควรให้กำลังใจไม่ใช่ซ้ำเติมหาเรื่อง คนอย่างนี้ต้องให้โอกาสออกมาทำประโยชน์ต่อสังคมดีกว่าไปอยู่ในคุก 

"เอไทม์มีเดีย"แจงแล้ว "ดีเจมะตูม" จบ ม.ศิลปากรจริงหรือไม่ ?

ด่วน!ชุดหนุมานบุกจับ "เสี่ยโป้" คาบ้านพัก

สาปส่งผู้ชายคลั่งเซ็กส์ "แอน JKN" เครื่องเพศแทบพัง ทำหมดไป 50 ล้าน เล่นซะจุกเจียนตาย !! (มีคลิป)

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ระบุว่า อิสรภาพของสรยุทธ เมื่อมีข่าวว่าคุณสรยุทธจะได้ออกจากคุกเดือน มี.ค. นี้ ก็มีคนตั้งคำถามว่า “ทำไมออกเร็ว?” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ รมว.ยุติธรรมจึงได้ออกมาชี้แจง ว่าคุณสรยุทธได้รับสิทธิพิเศษหรือไม่อย่างไร? ผมขอเพิ่มเติมในฐานะศิษย์เก่าผ่านคุกผ่านตะรางมาหลายรอบแล้ว ตอนคุณสรยุทธเข้าเรือนจำใหม่ๆ มีเรื่องโควิดพอดี มีทั้งการแหกคุกอ้างว่ากลัวโควิดระบาด เพราะไม่ได้ให้มีการเยี่ยมตามปกติ ส่วนนักโทษใหม่ยังต้องกักตัว 14 วันด้วย

คุณสรยุทธจึงได้ช่วยงานให้ความรู้นักโทษ จัดรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” การจัดรายการทำให้สถานการณ์ในเรือนจำที่โกลาหลอยู่ เริ่มดีขึ้นด้วยงานข่าวประชาสัมพันธ์ของคุณสรยุทธ จนได้ปรับชั้นเป็นชั้นเยี่ยม เรื่องนี้มีระเบียบเรือนจำอยู่แล้ว หากใครทำประโยชน์ก็ได้ปรับชั้นขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีนักโทษที่โดนปรับชั้นลง เช่น ก่อเรื่องในเรือนจำ หรือเคยทำผิดมาก่อนแล้วก่อคดีซ้ำ เมื่อเข้าเรือนจำอีก ก็จะโดนปรับลงเป็นชั้นเลวมาก

ในคุกถึงบอกกันว่า มี 3 อย่าง คือ “ช้อน ชั้น ชีวิต” ที่นักโทษต้องรักษาอย่างยิ่งยวดเพราะไม่มีใครทราบว่า เมื่อไหร่จะมีพระราชทานอภัยโทษ ปีที่แล้วเป็นปีพิเศษ ที่มีการพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษทั่วไปถึง 2 รอบ ในเดือน ส.ค. และเดือนธ.ค.มีนักโทษที่เข้าเกณฑ์ได้รับการลดโทษกันกว่า 300,000 คน บางคนเข้าใจผิด คิดว่าการอภัยโทษมีกันทุกปี ต้องขอบอกว่า ไม่ใช่ บางทีไม่มีติดต่อกัน 2-3 ปีก็มี คนคุกรอเก้อมานักต่อนักแล้ว เรื่องอภัยโทษไม่มีใครทราบล่วงหน้า และกรมราชทัณฑ์ กับกระทรวงยุติธรรมถือเป็นความลับขั้นสูงสุด เพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงในเรือนจำด้วย

คุณสรยุทธติดคุกด้วยโทษ 6 ปี 24 เดือน (ที่เป็นเดือนด้วย เพราะบางข้อหาที่โดน โทษนับเป็นเดือน) การได้พักโทษ (การพักโทษ ไม่ได้หมายความว่าโทษหมดไป ยังมีโทษอยู่ แต่ให้ออกมาอยู่ข้างนอกได้โดยปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดไว้) เกิดจากคุณสรยุทธได้รับการลดโทษจากพระราชทานอภัยโทษทั่วไป 2 รอบในปีที่ผ่านมา จึงเหลือโทษจำคุกหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน เมื่อหักวันที่รับโทษจำคุกมาระยะหนึ่งแล้ว จึงเหลือโทษที่ต้องจำต่อไปอีก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน มีคุณสมบัติครบเข้าเกณฑ์ “พักโทษกรณีมีเหตุพิเศษ” ในวันที่ 13 มี.ค. 2564 ซึ่งต้องติดอุปกรณ์ “กำไลอีเอ็ม” และต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตลอดจนรายงานตัวต่อพนักงานควบคุมความประพฤติจนกว่าจะพ้นโทษ การพักโทษ ไม่ใช่มีเพียงคุณสรยุทธคนเดียวที่ได้ แต่มีการพิจารณานักโทษทั่วประเทศที่เข้าเกณฑ์ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการ ก็ต้องไปผ่านการอนุมัติจาก รมว.ยุติธรรมอีกชั้นหนึ่งด้วย

คุณสรยุทธเหลือโทษจำอีกไม่มาก ประกอบกับเป็นความผิดเข้าคุกครั้งแรก ไม่ใช่นักโทษที่ทำผิดซ้ำซากเคยเข้าคุกมาก่อน เมื่อออกมาสามารถทำงานได้ตามปกติ ออกสื่อได้ จัดรายการได้ ไม่ได้ผิดกติกาเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์แต่อย่างใด ใครทำงานอะไรที่สุจริตก็ล้วนทำได้หมด เขาให้ออกไปทำมาหากิน ไม่ได้ให้อยู่บ้านเฉยๆ ส่วนนักโทษที่ไม่เข้าเกณฑ์พักโทษ จะเป็นพวกคดีอุกฉกรรจ์ เช่น นักโทษคดียาเสพติด ฆ่าคนตาย หรือคดีทางเพศ พวกนี้จะไม่ได้รับการพิจารณา คณะอนุกรรมการไม่อนุมัติให้

คุณสรยุทธไม่ได้หนี เข้าไปชดใช้ความผิดอยู่ในคุกจนเข้าเกณฑ์พักโทษ จึงถือว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ควรให้กำลังใจไม่ใช่ซ้ำเติมหาเรื่อง คนอย่างนี้ต้องให้โอกาสออกมาทำประโยชน์ต่อสังคมดีกว่าไปอยู่ในคุก การหมดสิ้นอิสรภาพ ต้องอยู่ในคุก มันทรมานแค่ไหน ใครไม่เคยติดคุกคงไม่รู้ซึ้งถึงรสชาติ “ต้องอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” สโลแกนที่ผมให้ไว้กับทุกคนตามประสบการณ์ติดคุกของผม ลูกใคร ผัวใคร ญาติใคร คงไม่อยากให้อยู่คุกแม้แต่วันเดียว เพราะอิสรภาพนั้น มันหอมหวลเป็นอย่างยิ่ง


ขอบคุณเพจ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์