"สัตวแพทย์"ปัดใช้ยาสลบเกินขนาดทำ"พลายยันหว่าง"ล้ม

2021-01-28 15:00:52

"สัตวแพทย์"ปัดใช้ยาสลบเกินขนาดทำ"พลายยันหว่าง"ล้ม

Advertisement

"สัตวแพทย์" ปัดใช้ "ยาสลบ" เกินขนาดกับ "พลายยันหว่าง" ชี้เหตุล้มเพราะอาหารอุดตันหลอดลม

ยันด้วยผลตรวจ "เปา กิ่งกาญจน์" เตรียมไลฟ์แจงไทม์ไลน์

"กาละแมร์” แจง กมธ. อ้างไม่รู้ ก.ม.รีวิวผลิตภัณฑ์จากความรู้สึก

เร่งช่วยเหลือผู้สูงอายุ 13 ราย ถูกเรียกเงินคืน (คลิป)

เมื่อวันที่ 28 ม.ค. จากกรณี "พลายยันหว่าง" ช้างป่าใน อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ถูกเจ้าหน้าที่ยิงยาสลบหลังลงหากินในชุมชนแห่งหนึ่ง ก่อนทำการเคลื่อนย้าย "พลายยันหว่าง" ให้เข้าไปอยู่โครงการจัการช้างป่าเขาตะกรุบ แต่ปรากฏว่า "พลายยันหว่าง" กลับล้มปริศนาขณะถูกขนย้าย ส่งผลให้เกิดกระแสสังคมตั้งข้อสังเกตุถึงใช้ยาสลบว่าใช้เกินขนาดหรือไม่ เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 2 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการเคลื่อนย้าย "พลายยันหว่าง" จึงเปิดแถลงข่าวเมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 2 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมี นายอำนาจ ม่วงปรางค์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ สบอ.2, นายพิทักษ์ ยิ่งยงหัวหน้าฝ่ายวิชาการคุ้มครองสัตว์ป่า และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่, สพ.ญ.ณฐนน ปานเพชร สัวแพทย์ประจำ สปป.สบอ.2 (ศรีราชา) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว


โดย สพ.ญ.ณฐนน ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้ยาสลบเกินขนาดกับ "พลายยันหว่าง" โดยก่อนใช้ยาสลบจะคำณวนน้ำหนักตัวของช้าง ก่อนกะปริมาณยาสลบให้เพียงพอ ซึ่งที่ผ่านมาสามารถเคลื่อนย้ายช้างป่า ได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง แต่เหตุการณ์ "พลายยันหว่าง" ล้มลงขณะเคลื่อนย้ายไว้ที่โครงการจัการช้างป่าเขาตะกรุบ ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ทีมสัตวแพทย์ขึ้นไปอยู่กับ "พลายยันหว่าง" บนรถบรรทุก เพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมอธิบายว่า ขณะที่อยู่บนรถกับ "พลายยันหว่าง" เจ้าหน้าที่ต้องฉีดยาซึมเพื่อป้องกัน "พลายยันหว่าง" ตื่นขึ้นมาระหว่างทาง เพราะเป็นอันตรายกับสัตวแพทย์ และตัวช้างป่าเอง โดยเมื่อเคลื่อนย้ายไปจนเกือบถึงเขาตะกรุบ ซึ่งเหลือระยะทางอีกเพียง 5 กิโลเมตร จู่ๆ "พลายยันหว่าง" เกิดอาการทรุด เจ้าหน้าที่จึงเร่งให้ยากระตุ้นในปริมาณพอเหมาะเพื่อให้ "พลายยันหว่าง" รู้สึกตัว โดยหลังให้ยากระตุ้นพบว่าในตอนนั้น "พลายยันหว่าง" ยังหายใจอยู่ และเมื่อมาถึงเขาตะกรุบ เจ้าหน้าที่จึงเร่งเคลื่อนย้าย "พลายยันหว่าง" ลงมาที่พื้นดิน ก่อนฉีดยากระตุ้นเพื่อให้ "พลายยันหว่าง" ฟื้นตัว แต่ตอนนั้น "พลายยันหว่าง" ไม่หายใจแล้ว เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันทุกวิถีทาง แต่ไม่สามารถยื้อชีวิต "พลายยันหว่าง" ได้

สพ.ญ.ณฐนน กล่าวอีกว่า หลังจาก "พลายยันหว่าง" ล้ม เจ้าหน้าที่จึงทำการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุ จนไปตรวจพบว่ามีก้อนอาหารไปอุดหลอดลมของ "พลายยันหว่าง" ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ "พลายยันหว่าง" ขาดอากาศหายใจ พร้อมอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ก้อนอาหารที่ขึ้นมาอุดตันหลอดลม เกิดจากการใช้ยาซึมควบคุม "พลายยันหว่าง" ขณะเคลื่อนย้าย โดยฤทธิ์ของยาซึม จะทำให้หูรูดกระเพาะของ "พลายยันหว่าง" คลายตัว ประกอบกับภายในกระเพาะของ "พลายยันหว่าง" พบว่ากอนอาหารเข้าไปจำนวนมาก เมื่อหูรูดกระเพาะคลายตัวจากฤทธิ์ยาซึม จึงดันก้อนหาหารขึ้นไปอุดหลอดลม จนกลายเป็นสาเหตุเบื้องต้นของการล้มในครั้งนี้ และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทาง สบอ.2 จะเชิญผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมาร่วมปรึกษาหารือ เพื่อหาแนวทางเคลื่อนย้ายช้างป่า ไม่ให้ซ้ำรอยกับ "พลายยันหว่าง" เพราะในความเป็นจริงผู้ไม่มีใครอยากให้ "พลายยันหว่าง" หรือช้างป่าตัวใด ล้ม และจากนี้ไปจะทำเรื่องของบประมาณซื้อรถเคลื่อนย้ายช้างที่มีเครื่องมือโดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียซ้ำรอย "พลายยันหว่าง" ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนชุดเคลื่อนย้าย "พลายยันหว่าง" ขึ้นมา เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงตามระบเบียบของกรมอุทยาน สัวต์ป่า และพันธุ์พืชแล้ว 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม คงต้องรอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมอุทยานฯ ดำเนินการสอบสวนให้เสร็จสิ้น เพื่อสรุปว่าเจ้าหน้าที่ที่เข้าเคลื่อนย้าย "พลายยันหว่าง" มีความผิดหรือไม่ ซึ่งกรมอุทยานฯ จะแถลงให้ทราบต่อไป