นายกฯลงนามแต่งตั้ง คกก.ตรวจสอบการกระทำความผิดกรณีสถานที่เล่นการพนัน เป็นเหตุให้เกิดการแพระบาดของโรคติตเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 "ชาญเชาวน์"นั่งประธาน
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามใน คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 9/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดกรณีสถานที่เล่นการพนัน เป็นเหตุให้เกิดการแพระบาดของโรคติตเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระบุว่า ตามที่ปรากฎว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน า 2019 ได้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่แบบกลุ่มก้อนขึ้นในหลายพื้นที่ตั้งแต่เตือน ธ.ค.2563 เป็นต้นมา หลังจากที่สามารถควบคุมการระบาดของโรคในประเทศได้นานหลายเดือน ซึ่งผลการสอบสวนโรคเชื่อว่าเหตุสำคัญของการแพร่ระบาดครั้งนี้ประการหนึ่งเกิดจกการติดต่อสัมผัสระหว่างบุคคลที่เข้าชุมนุมมั่วสุมกันในแหล่งเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานที่เล่นการพนัน ซึ่งมีผู้เดินทางไปยังบ่อนการพนันขนาดเล็กหรือใหญ่ตามพื้นที่ต่า่ง ๆ ประกอบกับการเล่นการพนันมักลักลอบกระทำในสถานที่ปกปิดซ่อนเร้น มีการสื่อสารส่งเสียงดัง มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมหลายคนเกิดการคลุกคลีใกล้ชิด ที่ไม่อาจรักษาระยะห่างระหว่างกันได้และใช้เวลานานในการทำกิจกรรม อีกทั้งผู้เล่นการพนันหรือผู้ทำงานในสถานที่นั้นมักมีประติการเดินทามาจากแหล่งเสี่ยงอื่น ๆ อยู่ก่อนแล้ว และเมื่อเดินทางต่อไปยังที่อื่น ๆ มักปกปิดข้อมูลตารางเวลาและสถานที่การเดินทาง หรือปิดบังอาการเจ็บป่วยของตนทำให้การสอบสวนและควบคุมโรคล่าช้าจนเพิ่มความเสี่ยงเป็นเหตุให้เชื้อโรคแพร่ระบาดจากสถานที่เล่นการพนันดังกล่าวไปในวงกว้าง
เจ็บเหมือนรถชน "ต่าย อรทัย" เผยเลิกแฟนด้วยดี
คลังแจงกลุ่มที่ไม่ได้รับเงินเยียวยา 3,500 บาท
แม้การกระทำดังกล่าวจะเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการพนันซึ่งต้องปราบปรามอยู่แล้ว แต่ในช่วงเวลาที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เช่นนี้ ยิ่งนับเป็นความเสี่ยงร้ายแรง ดังที่มีคำสั่งให้สถานที่เล่นการพนันที่เคยได้รับอนุญาต รวมทั้งกวดขันและตรวจสอบเพื่อนำตัวผู้มีส่วนเกี่ยวช้องกับการลักลอบเปิดบ่อนและผู้ลักลอบเล่นการพนันมาลงโทษ และจัตการกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ที่ละเว่นการปฏิบัติหน้าที่แล้วก็ตาม แต่เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก่อผลกระทบทางต้านการสาธารณสุข และความปลอดภัยของประชาชน สมควรให้มีคณะกรรมการตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายในภาพรวมอีกระดับหนึ่งและติดตามดูแลการทำงานหั้งระบบตลอดจนประสานงานแก่เจ้าหน้าที่ในการป้องกัน ปราบปราม และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ทั้งวางมาตรการป้องกันแก้ไขมิให้เกิดเหตุทำนองนี้ขึ้นอีกโดยเวพาะในสถานการณ์การะบาดของโรคโควิด - 19 ในขณะนี้ สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงตามกฎหมายนั้นก็ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถือเป็นความผิดทั้งทางวินัยและทางอาญา
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2564 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้มีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดกรณี เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประกอบด้วย
(1) นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ประธานกรรมการ
(2) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ กรรมการ
(3) ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับมอบหมาย กรรมกๅร
(4) รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ได้รับมอบหมาย กรรมการ
(5) จเรตำรวจที่ได้รับมอบหมาย กรรมการ
(6) รองอริบตีกรมการปกครอง ที่ได้รับมอบหมาย กรรมการ
(7)รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้รับมอบหมาย กรรมกๅร
(8) รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ที่ได้รับมอบหมาย กรรมการแ
(9) นายจารุเดช บุญญสิทธิ์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
(10) เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ที่ได้รับมอบหมาย ผู้ช่วยเลขานุการ
ให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง มอบหมายบุคคลผู้มีตำแหน่งตาม (3) ถึง (8) และ (10) เป็นกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าว
ข้อ 2 ให้คณะกรมการตมข้อ 1 มีอำนาจตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายกรณีการกระทำผิดเกี่ยวกับการเปิดสถานที่เล่นการพนันจนป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ ประสานงาน ตลอดจนให้คำแนะนำการดำเนินการแก่เจ้าหน้าที่ในการนำตัวผู้กระทำผิดไม่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลใด ๆ ก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาลงโทษ และเสนอมาตรการป้องกันหรือการดำเนินการอื่นที่เหมาะสมโดยให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และประสานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอข้อมูลรวมทั้งการรับเรื่องร้องเรียนชี้เบาะแสจากประชาชน แล้วรายงานทางลับให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการตามความจำเป็นหรือทุกรอบสามสิบวัน
ข้อ 3 การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมหรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัตการที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ ให้เป็นไปตาม พระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ.2557 หรือตามระเบียบทางราชการ แล้วแต่กรณี โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 14 ม.ค.2564
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี