ครอบครัวหัวร้อนลั่นจบที่ศาล

2018-05-14 13:25:20

ครอบครัวหัวร้อนลั่นจบที่ศาล

Advertisement

ครอบครัวหัวร้อน ต่อยตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง แจ้งความกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ทำร้ายร่างกาย ขณะที่บริษัทว่าจ้างมุงหลังคายกเลิกจ้างครอบครัวนี้แล้ว ส่วนพยานฝั่งตำรวจผวาหนัก หวาดกลัวไม่ได้หลับไม่ได้นอนมา 3 วันแล้ว


จากกรณีโลกออนไลน์เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก เมื่อครอบครัวหัวร้อนได้จอดรถบริเวณที่ห้ามจอด ในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมือง จ. ระยอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะดำเนินการตามกฎหมาย แต่กลุ่มคนดังกล่าวไม่ยอม พร้อมเข้าต่อว่าเจ้าหน้าที่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย และชกเข้าที่เบ้าตาเจ้าหน้าที่ 1 นาย จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำดังกล่าวไปทั่วสังคมออนไลน์ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง ข้อหาทำร้ายร่างกาย ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน



ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทที่ว่าจ้างครอบครัวดังกล่าวไปมุงหลังคา ได้บอกเลิกจ้างแล้ว เนื่องจากรับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นไม่ได้



อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ครอบครัวที่ปรากฎในคลิป ประกอบด้วย นายพยอม แสงวันดี อายุ 32 ปี นางหทัยรัตน์ สมถวิล อายุ 35 ปี และนายอิทธิพล สมถวิล อายุ 18 ปี 3 คนพ่อแม่และลูก ได้เดินทางเข้าแจ้งความกลับเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด ในข้อหากระทำเกินกว่าเหตุ และทำร้ายร่างกาย โดยมี ร.ต.อ.ไมตรี พากุล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง รับแจ้งความ



นางหทัยรัตน์ กล่าวว่า มาแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ข้อหา คือ กระทำเกินกว่าเหตุ และทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้ที่คอตนมีรอยถูกบีบ และถูกผลักหน้าอก ขณะที่สามีถูกต่อยบริเวณท้องด้านซ้ายและด้านหน้ารวม 3 ครั้ง นอกจากนี้ลูกชายยังถูกชก 2 ครั้งที่บริเวณตาด้านขวา และมีบาดแผลที่นิ้วกลางด้านซ้ายด้วย ครอบครัวยืนยันจะสู้คดีให้ถึงที่สุดกับเหตุการณ์ที่ถูกกระทำ และถูกประนามจากสังคม จึงตัดสินใจมาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว


นางหทัยรัตน์ สมถวิล



"เหตุผลที่มาแจ้งความเพราะถูกโลกโซเชียลฯที่กระหน่ำอยู่ตอนนี้ และเจ็บท้องมา 3วันแล้ว อยากได้ความเป็นธรรมให้กับตัวเอง"นางหทัยรัตน์ กล่าว

ด้านนายพยอม กล่าวว่า เป็นเพราะตำรวจใส่อารมณ์กับเราก่อน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาในเรื่องที่ห้ามจอดเลย แล้วจะมาจับกุมในข้อหาอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นคงต้องไปจบกันที่ศาล หากศาลตัดสินอย่างไรพร้อมยอมรับ


นายพยอม แสงวันดี

ขณะเดียวกัน น.ส.สุนันทา เพียนาม หรือ “ป้าจ่อย” อายุ 56 ปี แม่ค้าขายข้างแกงบริเวณที่เกิดเหตุ พยานปากเอกฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าหลังจากได้มาลงบันทึกประจำวันแล้วถูกผู้ไม่หวังดีข่มขู่ ทำให้หวาดกลัวไม่ได้หลับไม่ได้นอนมา 3 วันแล้ว และไม่ได้ขายข้าวแกงตั้งแต่เกิดเรื่อง จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มครอง เนื่องจากเกงว่าจะได้รับอันตราย

น.ส.สุนันทา เพียนาม หรือ “ป้าจ่อย”







อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นขาย “เสื้อ-เคสมือถือ” ใส่แล้วเก่งฝีปากกล้า