"สกลธี" อึดอัดตอนเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ขอมีอำนาจเต็ม

2022-05-17 19:55:54

"สกลธี" อึดอัดตอนเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ขอมีอำนาจเต็ม

Advertisement

"สกลธี" รับอึดอัดตอนเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. มีข้อจำกัดการทำงาน ครั้งนี้ขอมีอำนาจเต็ม ปลดล็อกกฎหมายให้อิสระ กทม. แก้ปัญหาคนกรุง

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 65  นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 กล่าวระหว่างการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 22 พ.ค.65 ว่า ตอนนี้เหลือเวลาการหาเสียงอีกไม่นาน ซึ่งตนหวังว่าจะได้รับโอกาสจากคนกรุงเทพฯ ให้กลับมาบริหารเมืองหลวงแห่งนี้อีกครั้ง ไม่ใช่การเป็นรองผู้ว่าฯ แต่กลับมาในฐานะของผู้ว่าฯ กทม.เพราะที่ผ่านมา 4 ปี มีข้อจำกัดหลายอย่าง และเห็นปัญหามาโดยตลอด โดยเฉพาะโครงสร้างของอำนาจใจการบริหารกรุงเทพฯ ที่ยังไม่เบ็ดเสร็จ มีหลายปัญหาที่ยังมีอำนาจที่ทับซ้อนกันหลายหน่วยงาน แม้ กทม. เองจะอยากลงไปแก้ไข แต่ก็ไม่สามารถไปก้าวล่วงอำนาจตามกฎหมายได้ เช่น กรณีของการจราจร ที่มีถนนหลายสายในกรุงเทพฯ ที่ กทม.ทำได้แค่การขีดสี ตีเส้น บนถนนเท่านั้น แต่คนที่บังคับใช้กฎหมายคือตำรวจจราจร หรือ ถนนวิภาวดี และ ถนนแจ้งวัฒนะ ก็เป็นของกรมทางหลวง แต่คนมักเข้าใจว่าเป็นของ กทม. เมื่อมีปัญหาทุกครั้งก็มักจะโจมตีมาที่ กทม.ว่าทำไมไม่ทำ

นายสกลธี กล่าวต่อว่า จากสาเหตุอยู่ที่ กฎหมายข้อบังคับต่างๆ ด้วยความที่ตนเองก็เป็นนักกฎหมาย ได้เข้าไปศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดตั้งแต่สมัยเป็นรองฯ ผู้ว่าแล้ว ก็พบว่ามีกฎหมายตัวหนึ่งที่ล็อกเรื่องนี้ไว้ นั่นคือเรื่องของการใช้งบประมาณของ กทม. เข้าไปพัฒนาในพื้นที่ ที่ทำได้เพียงแค่ที่สาธารณะเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปใช้ได้ในพื้นที่ของเอกชน หรือหน่วยงานราชการอื่น หลายคนอาจจะเจอว่า ถนนหน้าบ้าน ที่อยู่มาเป็นสิบๆ ปีไม่เคยแก้ไขได้สักที ตนอยากจะบอกว่าแม้ กทม. จะอยากเข้าไปทำไม่ได้ เพราะติดที่ระเบียบข้อบังคับตัวนี้ ดังนั้นถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ ก็อยากจะเข้าไปแก้ไขระเบียบนี้ก่อน เพื่อให้เงินของ กทม.ได้เข้าไปพัฒนาความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพได้ทุกตารางนิ้ว

นายสกลธี กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้คาดหวังว่า อำนาจของผู้ว่า ฯ กทม.จะต้องมีอำนาจเต็มเหมือนกับผู้ว่าฯ เมืองของต่างประเทศ แค่ขอให้ได้มีอำนาจได้เข้าไปแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชนก่อน นอกจากนี้ยังต้องหาเงินเพิ่มจากนโยบายที่พูดมาตลอดว่าว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ที่ “หาเงินได้ ใช้เงินเป็น” คนแรกจากการปรับเปลี่ยนการเก็บขยะ และ การเก็บภาษีเมืองหรือ ซิตี้แท็ก ตนคิดว่าแทนที่เราจะรอให้เขาไปแก้ว่าจะให้อำนาจเต็มกับผู้ว่าฯ กทม.คงไม่ต้องรอ แค่แก้ระเบียบกฎหมายตรงนี้ และมีเงินเอง มั่นใจว่าถ้าเป็นกรุงเทพฯ ในยุคของผู้ว่าฯ สกลธี กรุงเทพจะดีขึ้นกว่านี้ได้

“พื้นฐานผมเป็น ส.ส. เขตมาก่อน สไตล์การทำงานคือไม่ชอบประชุมที่ศาลาว่าการ ผมชอบไปเจอคน ไปแก้ปัญหา แต่ตอนที่เป็นรองผู้ว่าฯ เนี่ยมันไม่ใช่ตัวจริง อำนาจเรามันมีจำกัด เราก็เห็นก็เจอคนประสานทุกอย่างมาแต่มันนอกเหนืออำนาจที่ทำได้ ผมก็เลยอึดอัดมาลงคราวนี้ เพราะอยากจะเอาวิธีที่เราคิดว่ามันแก้ปัญหาได้ เคยพยายามเสนอแล้วแต่ไม่ผ่าน เพราะถ้าผู้ว่าฯ สั่งจะมีคนทำเพราะมีอำนาจโยกย้ายได้ แต่รองฯ สั่งอาจจะไม่ฟัง พูดตรงๆ ว่าหลายอย่างที่อยากทำมันไม่ได้ทำเลยอยากจะมาแก้ในครั้งนี้ครับ” นายสกลธี กล่าว