หากรักฉันอย่าจกกระปู๋ฉันเลย !! "กิต Three Man Down" สะท้อนภาพตัวเองทุกมุม สุดอึ้งชอบถูกใส่ปลอกคอ !!

2022-05-11 18:55:48

หากรักฉันอย่าจกกระปู๋ฉันเลย !! "กิต Three Man Down" สะท้อนภาพตัวเองทุกมุม สุดอึ้งชอบถูกใส่ปลอกคอ !!

Advertisement

หากรักฉันอย่าจกกระปู๋ฉันเลย !! "กิต Three Man Down" สะท้อนภาพตัวเองทุกมุม สุดอึ้งชอบถูกใส่ปลอกคอ !! เผยเป็นหนุ่มโรแมนติก สาวๆ รู้กันหรือยัง ?



กลายเป็นไวรัลน่ารักๆ เปิดใจในหลายๆ มุม เมื่อหนุ่มสุดฮอต "กิต" หรือ "กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์" นักร้องนำวง Three Man Down มาเปิดใจครั้งแรกกับ พิธีกรชื่อดัง "วู้ดดี้" หรือ "วุฒิธร มิลินทจินดา" ในรายการ WOODY FM เผยตัวตนจริงในวัย 27 ต้าวคนโรแมนติก เปลือยใจเรื่องรัก หลงใหลการอยู่ในสภาวะถูกใส่ปลอกคอ ? วอนแฟนคลับ ถ้าเธอรักฉันจริง…อย่าจับของลับฉันเลย 




เข้าวงการตอนอายุเท่าไหร่ ?
กิต : ถ้าเริ่มถ่ายโฆษณาจะเป็นตอน 18 ครับ



วู้ดดี้ : ตอนนั้นมันจะมีภาพไหม ว่าจะมาเป็น กิต Three Man Down

กิต : ไม่มีครับ แค่อยากร้องเพลงเฉยๆ มีวงดนตรีที่โรงเรียนแล้วก็อยากร้องเพลง คิดว่าวันนึงเราอยากจะร้องเพลงของเราเองให้คนอื่นสนุกไปกับมัน เคยแบบเอาขวดน้ำมาเป็นไมค์ เอาไม้กวาดมาเป็นกีตาร์ เปิดคอนเสิร์ตในยูทูบดูแล้วก็ปรบมือตาม

ตั้งแต่เด็กเลยไหม รู้สึกนี่คือสิ่งที่ฉันชอบ อยากทำ อยากเป็น ?
กิต : ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าภาพมันชัดมากว่า ผมอยากเป็นแบบนี้ตั้งแต่ ม.ปลายเลยครับ มันชัดจนแบบเราอยากเป็นอย่างนั้นจริงๆ



เชื่อไหมว่าเมื่อภาพมันชัดมันจะเกิดขึ้น ?
กิต : ตอนแรกไม่เชื่อเลยครับ พอได้เจอวงๆ นี้ แล้วเป็นวงที่ภาพชัดเหมือนกัน ผมเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น ตั้งแต่เจอพวกเขาเลยครับ



- งานเพลงและความโรแมนติก ในบรรดาเพลงทั้งหมดที่ทำมา



มีเพลงโปรดที่สุดไหม ?

กิต : มีครับ “ข้างกัน” ครับ มันโปรดด้วยบรรยากาศตอนที่เรากำลังทำเพลงนั้นอยู่ มันเป็นเพลงรักเพลงเดียวเลยของวง ที่เหลือไม่ใช่เพลงรักแล้ว เป็นเพลงอกหักล้วนๆ กับแอบชอบ แค่นั้นพอ อันนี้เป็นเพลงที่พระเอก นางเอง สมหวังกันจริงๆ ครับ บรรยากาศชีวิตในตอนนั้น มันโรแมนติกครับ

วู้ดดี้ : คือชีวิตคุณหรือเปล่า

กิต : ชีวิตทุกคนรอบตัวผมด้วย เพื่อนด้วย มือกีตาร์ด้วย มือกลอง มือเบส หรือว่าตอนนั้นมีแฟนด้วย มันโรแมนติกไปหมดเลยครับ มือกีตาร์ใช้คำว่า “เมื่อเธอครอบครองฉัน” ใครบนโลกมันจะใช้คำว่า “ให้คุณครอบครองฉัน” ปกติ “ฉันอยากครอบครองคุณ” เขาเลือกใช้คำว่า “ฉันมีความสุข เมื่อคุณครอบครองฉัน” มันคือความสัมพันธ์แบบ หมาถูกใส่ปลอกคอ แค่นี้ผมก็ร้องไห้แล้ว มันเป็นท่อนที่ผมชอบมันมากๆ

วู้ดดี้ : เห็นภาพคุณถูกใส่ปลอกคอ เห็นภาพชัดมาก



กิต : ผมชอบความสัมพันธ์แบบนั้น ผมเคยฟังพี่โอมมา ผมก็เลยชอบคำนี้มาก ผู้ชายบางคน “ชอบสภาวะถูกใส่ปลอกคอ…เหมือนหมา เราอยากเป็นหมา…ให้คุณเป็นเจ้าของเรา สั่งเราดิ คุมเรา เอาเราให้อยู่หมัด…แล้วเราจะซื่อสัตย์ต่อคุณ”

เวลาอยู่กับแฟนโรแมนติกไหม ?
กิต : ระดับนึงเลยครับ น่าจะมากเลยครับ

ด้วยวาจา หรือว่าด้วยกายภาพ ?
กิต : ด้วยทุกอย่างที่เกิดขึ้นเลย ผมเป็นคนที่จำได้ทุกอย่างเป็นคนสังเกต สมมติว่าถ้าผมเห็นว่าวันนี้ พี่วู้ดดี้นั่งอยู่แล้วปากกามันเหลือหมึกครึ่งนึง ถ้าปากกามันจะหมด ผมก็จะหยิบปากกาให้พี่วู้ดดี้ เพราะผมรู้ว่าปากกามันจะหมดแล้ว สำหรับผม ผมว่าอันนี้โรแมนติก มันจะมีความรักบางประเภทที่แบบว่าชอบไม่สังเกตกัน ไม่ได้สังเกตว่าแฟนงอนเรื่องอะไร สมมติว่าเราทำแบบนี้ เราไปคุยกับเพื่อนคนนี้ แล้วแฟนงอน เราอาจจะยังหาคำตอบไม่ได้ แล้วก็มันเกิดขึ้นอีก เราก็ต้องมาหาว่า เขางอนเราเพราะอะไร โดยที่เราไม่ต้องไปถามเขา แล้วเราก็แก้ไขให้เขา ผมว่าสิ่งนี้โรแมนติก

วู้ดดี้ : ถ้าให้พี่ทายคุณอยู่ในวัยที่ไม่มีสเปกแล้ว

กิต : ใช่ครับ

วู้ดดี้ : แต่ก่อนหน้านี้คงมี

กิต : มีครับ



มันเกิดอะไรขึ้นถึงมองว่าทุกอย่างมันน่าจะเปิดกว้างละ ?
กิต : โควิดเลยครับ (ฮ่าๆ)

วู้ดดี้ : ยังไงเล่าซิ

กิต : พอมันต้องอยู่กับตัวเองจริงๆ แบบจริงๆ มันตกตะกอนว่า เราต้องการอะไร ตรงข้ามบ้านผมจะมีเด็กอยู่คู่นึงเป็นลูกของฝั่งตรงข้าม ผมก็ดูเขาเล่นทางหน้าต่าง แล้วผมก็เห็นพ่อแม่เขาก็มีความสุขมันแค่นั้นอะ แล้วผมรู้สึกว่า ชีวิตเรามันแค่นี้จริงๆ แค่นี้เลย แล้วผมก็รู้สึกว่า มันคือจุดสูงสุดของชีวิตที่มนุษย์เราเกิดมาก็อาจจะต้องการแค่นี้เลย มีบ้าน ไม่ต้องมีเงินมหาศาล ทำงานดูแลพ่อแม่ได้ ดูแลเพื่อนฝูง ทีมงานได้ แล้วก็มีลูก ผมว่าชีวิตมันแค่นี้เลย

คิดถึงการมีครอบครัวหรือยัง ?
กิต : คิดถึงแล้วครับ

วู้ดดี้ : คนที่คิดว่าจะควงคู่กับเรา แล้วมีลูกด้วย ภาพมันมาหรือยัง

กิต : ยัง หมายถึง ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นคือใคร แต่ว่า…รู้แค่ว่าบรรยากาศมันน่าจะเป็นแบบนั้น

วู้ดดี้ : ถ้าไม่เป็นแบบนั้นเสียใจไหม

กิต : ก็คงจะไม่เสียใจ แค่เราได้…ทำสิ่งนี้ ก็นิพพานแล้ว ในจุดๆ นั้น ผมว่ามันก็โอเคมากแล้ว



- มีจุดยืนชัดเจน
กิตเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนมากเลยนะ ว่าจุดยืนของกิตเป็นแบบไหน แล้วก็ค่อนข้างชัดมากเลยว่า คุณมองว่าประเทศควรจะต้องเป็นแบบไหน มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ?


กิต : จุดเริ่มต้นจริงๆ ก็คือ ตอนที่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ได้ทำงานจริงๆ เพราะว่าคณะที่ผมอยู่คือนิเทศศาสตร์ คือมันต้องทำงานมากกว่าการเรียน พอเราได้เริ่มทำงาน พอเราเริ่มเจอชีวิตจริงๆ เราเริ่มเห็นปัญหา พอเห็นปัญหา เราเริ่มตั้งคำถาม พอเราตั้งคำถาม มันมีบางคำถามที่มันห้ามตั้ง มันมีบางคำถามที่มันห้ามตอบ ผมว่ามันไม่แฟร์ เราควรจะตั้งคำถามได้กับทุกๆ เรื่องเพราะว่าถ้าไม่เกิดการตั้งคำถาม มันไม่มีคำตอบ

วู้ดดี้ : คนครอบข้าง ค่าย ครอบครัว ให้อิสรภาพทางความคิดกับเราไหม ?

กิต : ที่ค่ายจะให้อิสระทางความคิดมากๆ วันแรกที่ผมเจอพี่โอม เขาถามว่า “Three Man Down อยากได้อะไรจากแกรมมี่” ผมบอกเลย “ผมอยากได้เงิน” ผมขอเงิน ผมเห็นค่ายนี้เป็นร้านสะดวกซื้อที่มันใหญ่ ผมอยากได้ชั้นวาง ชั้นวางที่มันวางถุงยางอะพี่ ที่เปิดมาแล้วต้องเห็นเลย เพราะว่าเปิดมามันเห็นเลย นี่แหละคือเป้าหมายของผม

วู้ดดี้ : แล้วได้ไหม ?

กิต : พี่โอมบอกว่า ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้ แต่ผมรู้ว่าผมต้องการอะไร ถ้าพี่ให้เงินผมไม่ได้ ผมก็ไม่อยู่ แค่นั้นเองครับ ช่วงแรกๆ ก็เครียดเขาก็เอาพวกผมไปวางไว้ในชั้นถุงยางแหละ แต่ว่า…มันขายไม่ได้ ผมก็เริ่มปรึกษาเขา บอกว่า พี่จะลงทุนกับผมต่อไหม ? เพราะว่าผมทำเงินให้ไม่ได้เลยนะ ผมรู้ว่ามันคือธุรกิจ เราต้องเข้าใจนายทุนด้วย พี่โอมก็บอกว่า xึงทำเพลงไปเหอะเดี๋ยวพวกxูจัดการเอง แล้วหลังจากนั้นก็มี “ฝนตกไหม” พอดีมันก็เป็นจังหวะโป๊ะพอดี



- สิ่งท้าทายในวัย 27 ปี
ในวัย 27 ปีวันนี้ กิต Three Man Down เผชิญกับเรื่องอะไรที่ท้าทายที่สุด ?

กิต : ผมว่าตัวผมเอง มันแบบแปรปรวนมากความคิดที่จะไม่ให้ตัวเอง…เครียดเกินไป หรือว่าเหลิงไป เราต้องอ่อนน้อมตลอดเวลา บางอันมันไม่สมเหตุสมผล แล้วเราพูดได้หรือเปล่า ? ถ้าเราไม่พูดมัน…คือมันอยู่ในหัวทุกๆ วันครับ

วู้ดดี้ : เสียงในหัวมันดังไหม ?

กิต : เสียงในหัวมันดัง ถ้าเกิดมันมีปัญหามันดังมาก หน้ามันจะร้อนแล้วก็ต้องมีคนมากเบรก ซึ่งคนๆ นั้นมันต้องเป็นคนที่เขาเข้าใจผมจริงๆ ว่าผมคิดอะไรอยู่

วู้ดดี้ : เรื่องอะไรที่ติดอยู่ที่สุดตอนนี้ ?

กิต : เรื่องการใช้ชีวิต หรือว่าเรื่องการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม้กระทั่งเชิงชีวิตหรือการทำงาน

วู้ดดี้ : ในเชิงทำงานพี่อยากฟัง เช่นยังไง ?

กิต : คือผมไม่ชอบ ถ้ามีการไม่ให้เกียรติในเชิงมนุษย์กันเกิดขึ้นครับ ผมจะหัวร้อน



สมมติว่าในคอนเสิร์ตนึง มันจะมีอะไรบ้างที่จะเป็นไปได้ที่ทำให้คุณหัวร้อน ?
กิต : อยู่ดีๆ ก็โดนจับไข่บนเวที จากข้างหน้าเวที หรือเวลาอยู่ดีๆ ก็มีคนถ่าย Story อยู่หน้าผม แล้วก็ทำท่าออรัลเซ็กส์ที่ผมยืนร้องเพลงอยู่ แล้วเขานั่งอยู่ตรงนี้แล้วเขาก็ถ่าย จากตรงจุดพี่วู้ดดี้ถ่ายเพื่อนเขา หันไปทำท่าออรัลเซ็กส์กับตัวผมที่อยู่บนเวที ผมรู้สึกว่า แx่งโคตรไม่ให้เกียรติ คือผมมาทำงาน คุณมาเที่ยวผมให้เกียรติ ผมทำเต็มที่เพื่อให้คุณได้รับความสุข แต่คุณจะมาทำแบบนี้กับผมไม่ได้

วู้ดดี้ : คุณแค่รู้สึกว่า คุณมีพื้นที่ของคุณ แต่กำลังถูกล้ำเส้น ?

กิต : ใช่ ด้วยพื้นที่ด้วย แล้วผมรู้สึกว่า ด้วยมันเป็นมารยาทด้วย ทำไมทุกคนเข้าไปดูหนัง แล้วถึงรู้ว่าต้องไม่พูด ทำไมสิ่งนั้นคุณรู้ แล้วทำไมสิ่งนี้คุณไม่รู้ ว่าบนเวทีมันก็เหมือนดูหนังนั่นแหละ มันก็คือมหรสพเหมือนกัน มันคือเรื่องปกติที่เราจะไม่ไปก้าวล้ำเขา

วู้ดดี้ : ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่างของเรื่องที่คุณกำลังคิดอยู่ตอนนี้ ว่าทางออกมันคือยังไง ว่าฉันจะต้องคิดยังไง ?

กิต : ใช่ แล้วมันก็จะตีกันไปหมด

วู้ดดี้ : หรือว่ามันควรจะต้องมีกติกา มีป้าย หรือว่าคุณสามารถมีโฆษณาประกาศเป็นเสียงก็ได้นะว่า “ขอต้อนรับสู่โชว์ของ Three Man Down ก่อนจะดูโชว์ต่อไป ขออธิบายกติกามารยาทนิดนึง 1.กรุณาอย่าจับไข่ศิลปิน 2.กรุณาอย่ายื่นเหล้ามาให้ศิลปินดื่ม 3.อย่าทำออรัลเซ็กส์ระหว่างที่ดูงานนี้” ?

กิต : ทุกวันนี้ผมรับมือกับมันได้ ตอนนั้นมันคือประมาณ 2 ปีที่แล้ว

วู้ดดี้ : เดี๋ยวๆ ตอนนี้คือรับมือได้แล้ว ?

กิต : คือรับมือได้แบบตลกร้ายอะครับ คือข้างในก็ยังแปรปรวน แต่ว่าผมจะแสดงออกเป็นตลกร้ายออกไป เพราะว่าผมรู้สึกว่า เขาเห็นหน้าเรามาสักพักนึงแล้วแหละ เขาน่าจะเริ่มรู้ว่า จริงๆ แล้วเราเป็นคนยังไง เราซีเรียสกับสิ่งนี้ ถ้าผมอยู่ข้างล่าง…มันก็อาจจะอีกบริบทนึงก็ได้ ผมอาจจะด่ากลับหรือว่าอาจจะคุยเล่นกลับ หรือผมอาจจะจับกลับก็ได้ แต่ว่าตอนนี้มันคือพื้นที่ สำหรับผม มันคือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มันควรจะให้เกียรติกัน



สิ่งที่แปลกที่สุด เท่าที่เคยสัมผัสมาระหว่างเล่นคอนเสิร์ตคืออะไร นอกจากโดนจับ… ?
กิต : จะมีขออะไรแปลกๆ เข้ามาบ้าง สมมติถ้าผมจ้างพี่วู้ดดี้มาโชว์ ผมก็ต้องเคารพเพราะว่าพี่วู้ดดี้คือผู้กำกับของโชว์นี้ เราจ้างเขามาเพราะเราชื่นชอบผลงานเขา เราอยากจะมาดูเขาในแบบที่เขาเป็นไม่ได้ไปอยากจะเปลี่ยนอะไรเขา “อันนี้เดี๋ยวขอแบบนี้ได้ไหม? ตอนเพลงนี้ขอแบบนี้ได้ไหม? เดี๋ยวทำอย่างนี้ อย่างนั้นได้ไหม?” เฮ้ยเรา ทุกโชว์เราไม่ได้เล่นไปวันๆ นะ เราตั้งใจกับทุกๆ โชว์จริงๆ ถ้าใครติดตาม Three Man Down จะรู้ว่า ทุกๆ โชว์พวกผมเอากันคอเคล็ดทุกโชว์ ถ้าเลือดสาดได้ก็เลือดสาดไปเลย ผมไม่สนใจอยู่แล้วเพราะว่า ผมไม่รู้คนข้างล่างที่ตั้งใจมาดูจริงๆ เขาอาจจะมาดูงานนี้งานสุดท้ายก็ได้ อยู่ดีๆ จะมาทำให้มัน “สะมะกึ๊ก” อะครับพี่ เฮ้ย ท่อนนี้พี่อยากแบบนี้ อย่างนู้นอย่างนี้ เราว่า ที่ลูกค้า… ผมรู้สึกว่าว่า… ถ้างั้นพี่ก็มากำกับเองไหมครับ ผมว่ามันก็เหมือนกับทุกๆ สิ่งที่เรากำลังเจอกันอยู่ในงานสร้างสรรค์ทุกๆ งานที่เราตั้งใจทำมันมา แต่ว่าเราโดนบางอย่าง “สะมะกึ๊ก” ด้วยจดที่แบบว่า “มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ ?” อันนี้คือสิ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นวัฒนธรรมที่เจอกับทุกวงการจริงๆ

วู้ดดี้ : เราไม่สามารถมีผู้จัดการวงที่คอยจัดการเรื่องนี้ให้ได้เหรอ เป็นเสียงแทนเรา พูดแทนเรา

กิต : มีครับ แต่ว่าต้องยอมรับว่าด้วยส้งคมด้วยครับว่า เราต้องดังก่อนเขาถึงจะฟังในวันที่เราดัง เราถึงจะมีปากมีเสียงได้…