งานสะดุดแต่ความรักไม่หยุดชะงัก "ปอย ตรีชฎา" รับหัวใจมีคนจองแล้ว พุ่งเป้าคว้า ป.โท

2022-05-10 14:40:27

งานสะดุดแต่ความรักไม่หยุดชะงัก "ปอย ตรีชฎา" รับหัวใจมีคนจองแล้ว พุ่งเป้าคว้า ป.โท

Advertisement

งานฮ่องกงสะดุดหยุดชะงัก "ปอย ตรีชฎา" บิดใส่รับหัวใจมีคนจองแล้ว เป้าหมายมุ่งคว้า ป.โท



ยังคงเป็นหนึ่งในสาวเก่งของวงการบันเทิงไทย-เทศที่แฟนๆ ต่างชื่นชมในความสวยบวกกับฝีมือการแสดงและเฝ้าติดตามผลงานของเธออยู่เสมอมา สำหรับ "ปอย ตรีชฎา เพชรรัตน์" ที่ล่าสุดได้มาอัพเดตชีวิตในงานเปิดตัวสบู่ “มาดามหลุยส์” ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ก่อนเปิดใจว่าตอนนี้ไม่โสดแล้ว พร้อมอัพเดตงานที่ฮ่องกงที่หยุดชะงัก




รับงานรอบนี้ค่าตัว 8 หลัก ?
"ไม่นะ การคุยกันนี่เราก็มีการคุยกันในต่างประเทศด้วยค่ะ และก็ดราฟสัญญา ปอยก็พอทราบเรื่องนี้อยู่แล้วค่ะ



เราเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือพาร์ตเนอร์ ?
"ไม่ใช่ค่ะ ปอยยังติดสัญญาที่ฮ่องกงเหมือนเดิม ฉะนั้นการรับงานก็จะต้องผ่านทางบริษัททางฮ่องกงค่ะ"

เรตการรับงานเป็นเรตทางไทย หรือฮ่องกง?
"น่าจะเป็นเรต US นะคะ เรตศิลปินฝั่งนู้น"

เป็นสัญญาณที่ปอยจะกลับมารับงานที่ไทยมากขึ้น?


"ปอยกลับค่ะ แต่ปอยคิดว่าคงไม่ได้รับงานที่ไทยเยอะเหมือนเดิม เพราะยิ่งช่วงนี้ก็ยิ่งใกล้เปิดประเทศและเราอั้นกันมาเกือบ 2 ปี โดยปกติแล้ว เมื่อก่อนเวลาเราไปทำงาน สมมุติว่าจะต้องเข้าไปที่จีนคือปอยจะต้องกักตัว สิริเกือบ 1 เดือน แล้วปอยมีทีมงานจากไทยไปด้วยหลายท่าน

หลายๆ ท่านพอปอยพูดถึงเงื่อนไขแล้ว หลายท่านก็เซย์โน คือ 30 วัน เขาไม่ได้ทำอะไร ก็ค่อนข้างลำบาก ตอนนี้เหมือนประเทศใกล้ๆ เปิดค่ะ ทุกธุรกิจก็ต้องรีบทำ มีหลายโปรเจกต์ที่ปอยเคยค้างไว้จนสุดท้ายเขาต้องตัดจบไปเลย แล้วก็มีหลายโปรเจกต์ที่สัญญาว่าจะไปทำก็ต้องไปถ่าย"



สถานการณ์ที่จีนเป็นยังไงบ้าง ?


"ตอนนี้นโยบายของประเทศจีน ซีโร่เคส ถ้าสมมติมีการระบาดในมณฑลไหนก็จะมีการบริหารจัดการในเมืองนั้นเลย เช่นล่าสุดสถานการณ์ในเซี่ยงไฮ้ค่อนข้างรุนแรง ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว คือแล้วแต่ว่าปอยจะไปทำงานที่เมืองไหน ส่วนใหญ่ก็ประมาณ 2-3 เมือง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ แล้วก็กว่างโจว"

"จริงๆ ช่วงโควิดมีตลอดเลยค่ะ ช่วงนั้นคือยินดีให้เราไปกักตัว อย่างที่บอกจริงๆ ปอยไปได้นะ ปอยไม่ได้ซีเรียส แต่ว่าทีมงานไปไม่ได้ อีกอย่างนึงปอยรู้สึกว่าการทำงานตอนนี้ที่ฮ่องกง หรือจีน การจัดระเบียบทางกฎหมายค่อนข้างยุ่งยาก เลยรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้เร่งรีบไปไหน"

สถานการณ์ที่ผ่านมาค่อนข้างสวิง ?
"จริงๆ เขาคุมเข้มตลอดเวลา"

กังวลบ้างไหม ?


"มีความกังวลอยู่นะคะเพราะว่ามีครั้งนึงที่ปอยมีโอกาสไป จำได้เลยว่าการออกไปซื้ออาหารหรือการออกไปพบปะเพื่อน เป็นเรื่องต้องห้าม บางทีเราไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ยิ่งเราอยู่เมืองไทยนานๆ ก็คิดถึงเมืองไทย แล้วเวลาเราไปอยู่เมืองนอกก็ไม่ได้พบปะใคร รู้สึกคิดถึงบ้าน คิดถึงเพื่อน แล้วอินเทอร์เน็ตที่จีนก็ไม่ได้เล่นเท่าไหร่ค่ะ"

ที่ผ่านมารับได้ รอสถานการณ์ดีขึ้น ?
"ไม่ใช่แค่ปอยรอนะคะ แม้แต่ทางบริษัท ทางผู้ลงทุนภาพยนตร์ก็ตาม ทุกคนรอสถานการณ์นิ่ง เพราะว่าคนที่เป็นนักแสดงในเรื่อง ไม่ใช่แค่ปอยคนเดียวที่มาจากต่างประเทศ ฝรั่งก็มี คือถ้ามันกระทบกับงานเขาก็คงไม่กล้าเริ่มลงทุนอะไร"



อึดอัดอยากแสดง ?
"ไม่ๆ จริงๆ ปอยอยากให้สถานการณ์มันดีขึ้นก่อน อันนี้ปอยอึดอัดมากกว่าเพราะว่าถ้าปอยต้องไปทำงานที่นู่นแล้วยังมีความกังวล อย่างที่บ้าน ในช่วงโควิดมันมีอะไรเกิดใหม่ขึ้นมากมาย อยู่ๆ ก็มาเป็นเจ้าของโรงงานผลิต เลยรู้สึกว่ากลายเป็นเราที่มีภาระหน้าที่รับผิดชอบที่เมืองไทยเพิ่มขึ้น เราเลยต้องมีการบริหารจัดการเวลา"

อยู่ไทยนานไหม ?
"อยู่ไทยนานมากเลยค่ะ ปอยอยู่ไทยนานที่สุดแล้วตั้งแต่เริ่มทำงานต่างประเทศ"

ธุรกิจของเราที่เกี่ยวกับการวิจัยเป็นไง ?
"คือเป็นโรงงานรับผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นโรงงาน มันก็เลยมีงานวิจัยด้วย แล้วก็เรียนหนังสือด้วย เรียนอยู่ คิดว่าปีนี้คงเรียนจบปริญญาโทค่ะ ที่มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาวิชาชีววิทยาศาสตร์การแพทย์ระดับโมเลกุล คือในสถาบันมีให้เลือกแค่สองสาขา ปอยเลยคิดว่าทางเจนเนติก หรือพันธุกรรมมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เช่น วัคซีน พวกนี้มันเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมหมดเลย ปอยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัวเลยอยากเรียน"

จะเรียนไปให้สุดถึงไหน ?
"เบื้องต้นปอยคิดว่าแค่จบปริญญาโทก่อนค่ะ ปริญญาเอกขอพักเลยเพราะว่าสิ่งที่ปอยเรียนเกือบ 3 ปีนะคะ เป็นการเรียนที่ฟูลไทม์ คือปอยไม่รู้ว่าการเรียนสาขาอื่นเป็นยังไง แต่ที่นี่ฟูลไทม์ต้องเรียนจันทร์ถึงศุกร์ เช้าถึงเย็น ไม่ใช่ว่าเรียนอาทิตย์ละวัน ไม่มี แล้วมาตรฐานของมหาวิทยาลัยค่อนข้างสูงมาก คือไม่มีการประนีประนอมเลยจริงๆ คือถ้าเราไม่ผ่านคิวซีก็เสียชื่อมหาวิทยาลัย ฉะนั้นทุกสิ่งที่เราเรียน ด้วยความที่ปอยไม่ได้เป็นคนเก่งเท่าคนอื่น ปอยต้องพยายามมากกว่าชาวบ้าน และก็หนักกว่าชาวบ้าน"

จะนำความรู้มาต่อยอด ?
"คงเป็นธุรกิจอีกอันนึงนะคะ ถามว่าปอยได้เอามาใช้ในโรงงานของตัวเองไหม ได้ใช้ แต่ว่ามันแอดวานซ์มากเลย คือกลายเป็นโรงงานเราจะผลิตสิ่งที่แอดวานซ์กว่าชาวบ้าน แต่สิ่งที่เราเรียนรู้คือการรักษาโรค พวกโรคมะเร็ง ปอยรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ปอยน่าจะเอามาขยายธุรกิจในด้านนี้"



อีกนานไหมกว่าจะจบ ?
"ไม่นานค่ะ ปีนี้จบแล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงของการทำวิทยานิพนธ์ค่ะ"

เป้าหมายตอนนี้คือ ?
"เรียนให้จบก่อนค่ะ สำคัญมาก ยากมาก คือที่เขาบอกให้ไปบนบานศาลกล่าว จุดประทัดนี่ไม่เคยเชื่อมาก่อน คือตอนเรียนปริญญาตรีหรือตอนเรียนมัธยมปอยคิดว่ายากแล้ว อันนี้ยากกว่าคูณไปเลย"

มีเดินสายมูเตลู ?
"มีค่ะ ขอให้เรียนจบ ราบรื่น ยากมากค่ะ กดดัน จริงๆ มันก็เป็นความสบายใจ สำคัญคือต้องทำการบ้านส่ง ต้องเข้าเรียน การเรียนวิทยาศาสตร์เนี่ย มันหลอกคนไม่ได้ เราปลอมคนไม่ได้ มันเป็นงานที่เราต้องลงมือทำเท่านั้นถึงจะจบ"



ความรักเป็นยังไง ?
"อันนี้ไม่ตอบได้ไหม (ยิ้ม) ปอยมีความรักเยอะมากเลย มีความรักมหาศาล"

ที่ไม่ใช่แบบเพื่อนมีไหม ?
"มีมากมายเลยค่ะ"

จริงๆ เรามีไหมหรือไม่อยากจะเปิดเผยในพื้นที่สาธารณะ ?
"ไม่ ปอยไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นดาราด้วยซ้ำ ปอยคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ ปอยไม่ได้ปิดเลยค่ะ"

โสดไหมตอนนี้ ?
"ปอยไม่โสดค่ะ ขอแค่นี้ก่อนได้ไหม" (ยิ้ม)

ขออีกนิดนึงได้ไหม ?
"ไม่เอาละ ขี้โกง"

แฮปปี้ทุกอย่างลงตัว ?
"ใช่ค่ะ"

เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง ?
"เป็นธรรมชาติค่ะ ต้องเป็นกำลังใจกันและกันค่ะ"

ความรักเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นกำลังใจทั้งเรื่องงานและเรียน ?
"ใช่ค่ะ ถูกต้องค่ะ"



ได้ติดตามโซเชียลไหมเขาบอกว่าเราสวย ทรงพลัง ?
"ติดตามค่ะ ปอยก็เป็นชาวเน็ตคนนึง เวลามีคนชมปอยเยอะๆ ปอยก็รู้สึกดีใจมากๆ อย่างที่บอก ปอยไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองเป็นดาราเท่าไหร่ รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจ นักศึกษา ด้วยความที่ปอยก็อยู่ในยุคก่อนสมัยที่คนดูทีวีก็ยังจำเราได้ทุกบ้าน เวลาที่มีคนชื่นชมเรา พ่อแม่เรา คุณยายก็ภูมิใจ ทำให้คนในครอบครัวยิ้มได้"

ยกให้เป็นไอดอลการวางตัวแพง แอบกดดันไหม ?
"ไม่เลย เพราะว่าปอยไม่ได้ใช้ของแพงอะไร ไม่ได้กดดันอะไรเลยค่ะ คือการที่คนบอกว่าแพง คำนิยามของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ปอยรู้ตัวแหละว่าปอยไม่ได้พยายามวางตัวให้มันแพง 

แต่ปอยว่าคนอาจจะนิยามกันไปเองว่าดูแพง ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าสิ่งที่ปอยทำไม่ได้ดูแพงก็ได้ เพราะว่ามันไม่ได้มีอะไรให้เห็นเป็นตัวเลขขึ้นมาจากตัวปอย มันขึ้นอยู่กับมุมมองของคนว่าจะมองปอยยังไง ส่วนตัวปอยก็ทำตามธรรมชาติที่เราได้ฝึกฝนและอบรมมาจากคนรอบตัว"