ภาคประชาชนซัดรองอธิบดีใช้อำนาจอุ้มคนผิดซื้อประเวณีเด็ก

2022-05-05 18:34:28

ภาคประชาชนซัดรองอธิบดีใช้อำนาจอุ้มคนผิดซื้อประเวณีเด็ก

Advertisement

ภาคประชาชนซัดรองอธิบดีใช้อำนาจอุ้มคนผิดซื้อประเวณีเด็ก  ปลุกคน พม. ยึดความถูกต้อง เร่งกวาดบ้าน ปกป้องเด็ก เยาวชนตามเจตนารมณ์องค์กร

จากกรณี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ติดตามและเตรียมดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก (บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี) รวมถึงรองอธิบดีในในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่มีส่วนในการช่วยเหลือ โทรสั่งเกลี้ยกล่อมเด็กให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาซื้อบริการประเวณีเด็ก ที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีการส่งสำนวนการสอบสวนให้กับ ป.ป.ช. ในข้อหาขัดขวางกระบวนการสอบสวนสืบสวนกระบวนการค้ามนุษย์และแทรกแซง รวมถึงปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157

ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พ.ค.65 นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า จากข่าวที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นค่านิยมที่เสื่อมทรามของคนบางกลุ่มในสังคมไทย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ฐานะทางการเงินที่ดี มีหน้ามีตาในสังคม มียศมีตำแหน่งทั้งฝ่ายการเมือง ยังนิยมซื้อบริการหรือหาประโยชน์ทางเพศกับเด็ก ซึ่งรูปแบบการกระทำไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังเหมือนหลายคดีที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาทิ คดีบ้านน้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน คดีครูโรงเรียนบ้านดงมอน จ.มุกดาหาร และคดีบ้านเกาะแรด จ.พังงา เป็นต้น ทั้งนี้ ยังพบข่าวผู้มีอำนาจ มาหาประโยชน์ทางเพศกับเด็กต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง แต่การแก้ปัญหายังทำแบบเคสบายเคสไป ด้วยกลไกและวิธีการเดิมๆ ที่ตั้งรับและไม่ทันต่อสถานการณ์ ทำให้เกิดปัญหาเด็กถูกล่วงละเมิดซ้ำซาก


นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีล่าสุดที่มีรายงานข่าวว่ารองอธิบดีโทรสั่งเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กเกลี้ยกล่อม หรือบังคับเหยื่อให้ช่วยผู้ต้องหาคดีซื้อบริการเด็ก ที่กำลังถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และกรณีมีการทำร้ายร่างกายเด็กนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากขึ้นไปอีก เพราะองค์กรที่มีหน้าที่คุ้มครองเด็กไม่ได้ทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ กลับใช้กฎหมายทำร้ายเด็กที่เป็นเหยื่อเพื่อปกป้องคนทำผิด ดังนั้นตามหลักการควรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อความโปร่งใสในการเข้าสู่กระบวนยุติธรรมตามขั้นตอน และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายใน พม. โดยมีบุคคลที่น่าเชื่อถือจากภายนอกเข้าร่วมด้วย ไม่ใช่ตั้งคนใกล้ชิดสนิทกันเข้ามาเพื่อช่วยเหลือกัน หากความจริงเป็นไปตามข่าว นั่นแสดงว่าหน่วยหลักที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ถึงจุดติดลบแล้ว เมื่อการปกป้องคุ้มครองเด็กไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ขององค์กร คนที่ถือกฎหมายซึ่งต้องปกป้องคุ้มครองลูกหลานกลับใช้อำนาจทำร้ายซ้ำเด็กผู้เสียหาย เพื่อต้องการช่วยเหลือผู้กระทำด้วยความสัมพันธ์อันใดก็แล้วแต่ ย่อมเป็นความผิดชัดแจ้งซึ่งต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด บทลงโทษจึงต้องหนักกว่าคนทั่วไป ตอนนี้แม้เด็กจะอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วแต่ที่น่าห่วงคืออำนาจมืด อิทธิพลที่จะกระทำกับครอบครัว ญาติพี่น้องของเด็กๆ

ด้าน นางทิชา ณ นคร  ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า เมื่อหลายปีก่อนเคยมีเครือข่ายภาคประชาชน และเจ้าหน้า พม. มาปรับทุกข์กับตนพร้อมขอคำปรึกษากรณีผู้เสียหาย ที่เป็นคนต่างชาติพันธุ์ ในคดีค้ามนุษย์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ พม. ได้มีการนำเด็ก ซึ่งเป็นผู้เสียหายไปตรวจกระดูกเพื่อประกอบหลักฐาน ยืนยันว่าผู้เสียหายอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่ถูกผู้บริหารเกลี้ยกล่อมไม่ให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่อช่วยเหลือนายทุนค้ามนุษย์ แต่สุดท้ายทุกคนไม่พร้อมเผชิญหน้ากับผู้บริหาร วันนี้ข่าวแบบนี้กลับมาอีกครั้ง สะท้อนว่าวัฒนธรรมอำนาจนิยมและระบบอุปถัมภ์ยังหยั่งรากลึกในสังคมไทย ถึงเวลาต้องรื้อ ต้องถอน ต้องลดบทบาท ต้องถ่วงดุลอำนาจ แต่ไม่ใช่ทำแบบรัฐบาลก่อนๆ หรือแบบที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พร่ำบ่น ฉุนเฉียว สั่งการซ้ำซากแต่ไม่ได้ผล จึงต้องฝากรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งว่าให้มีการปฏิรูประบบราชการเอาจริงกับการแก้ปัญหา เอาคนผิดมาลงโทษไม่ว่าจะเป็นใคร