"ราชทัณฑ์"คาดผู้ต้องขังทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง อาจติดเชื้อ "โอไมครอน" ทำให้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง กรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวนักโทษของทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง ติดโควิดกว่า 700 ราย ว่า จากการตรวจสอบแล้ว การติดเชื้อโควิด -19 ของผู้ต้องขังทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปางในครั้งนี้ น่าจะเกิดการปนเปื้อนมากับสิ่งของเข้าภายในทัณฑสถานฯ โดยเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 พบผู้ต้องขังชายอายุ 32 ปี อาการมีไข้ ไอ มีน้ำมูก วัดอุณหภูมิร่างกายได้ 38.8 องศาเซลเซียส จึงได้ดำเนินการตรวจโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ผลเป็นบวกติดเชื้อโควิด-19 และได้ตรวจผู้ต้องขังใกล้ชิด จึงพบการแพร่ระบาดภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง โดยทีมแพทย์ และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดลำปาง สั่งการให้ดำเนินการตรวจเชิงรุกทั้งหมด 1,080 คน เพื่อคัดกรองค้นหาผู้มีอาการเบื้องต้น โดยแพทย์ได้จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ผู้ตรวจพบเชื้อทุกรายประกอบกับทัณฑสถานได้รับการสนับสนุนเครื่องเอกซเรย์พระราชทานแบบเคลื่อนที่ (Portable X ray Digital) นำมาเอกซเรย์เพื่อคัดกรองผู้ต้องขังป่วยทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.2565 ซึ่งปัจจุบันไม่พบผู้ต้องขังที่ปอดมีปัญหาจากการติดเชื้อแต่อย่างใด
นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจำหวัดลำปาง สันนิษฐานว่า เชื้อโควิด-19 ที่ระบาดภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง เบื้องต้นน่าจะเป็น การปนเปื้อนมากับสิ่งของที่เข้าภายในทัณฑสถานฯ และคาดว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ที่สามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี่อยู่ระหว่างตรวจยืนยันผล ซึ่งทัณฑสถานแห่งนี้เป็นเรือนจำแดนเดียว (พื้นที่ 9 ไร่) การแพร่ระบาดจะเป็นไปได้โดยง่าย โดยปัจจุบัน ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง ได้ดำเนินการตามมาตรการการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และดำเนินการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แก่ผู้ต้องขังเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2565 ทั้งประสานโรงพยาบาลแม่ข่ายฉีดวัคซีนภายหลังจากการระบาดแล้วในครั้งนี้ พร้อมดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อมิให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น