"จุรินทร์"ปราศรัยเดือดซัด"คนละครึ่ง"หาเสียงเหมือนลักวิ่งชิงปล้นกลางแดด

2022-01-12 20:59:59

"จุรินทร์"ปราศรัยเดือดซัด"คนละครึ่ง"หาเสียงเหมือนลักวิ่งชิงปล้นกลางแดด

Advertisement

"จุรินทร์"ปราศรัยเดือดฝากชาวสงขลาเลือก "สุภาพร"  แขวะบางพรรคให้เลือกผู้แทนเป็นคนรวย ประชาชนก็ไม่มีความหมาย  ขออย่าให้เงินมามีอำนาจเหนือความดี  ซัดใช้ "คนละครึ่งหาเสียง" เหมือนลักวิ่งชิงปล้นกลางแดด

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ขึ้นปราศรัยใหญ่เพื่อขอคะแนนเสียงให้ “น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล เบอร์ 1 ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ศูนย์บริบาลผู้สูงอายุ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยได้กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันสองวันที่ผ่านมามีผู้ใหญ่ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมาปราศรัยและเชียร์เบอร์อื่นที่ไม่ใช่เบอร์ 1 บอกว่าคนสงขลาเขต 6 ต่อไปนี้วิธีเลือกผู้แทนต้องเลือกคนที่มีคุณสมบัติสำคัญข้อหนึ่งก็คือจะต้องเป็นคนรวย มีคลิปเผยแพร่ทั่วประเทศบอกว่าถ้าเลือกคนรวยแล้วดี แต่การที่บอกว่าต้องเลือกคนรวยแปลว่าคนจนก็ไม่มีความหมาย ต่อไประบอบประชาธิปไตยก็ไม่ต้องมาแข่งขันความดี ไม่ต้องเอาศักยภาพ ไม่ต้องเอาความรู้ความสามารถมาแข่งขันกัน เอาเงินในธนาคารมาเปิดดูกันว่าใครรวย แล้วคนนั้นก็เป็นผู้แทน ระบอบประชาธิปไตยไม่ได้เป็นแบบนั้น เราไม่ได้เลือกกันที่เงิน ไม่ได้มาดูว่าใครรวยกว่าใครแล้วควรเลือกคนนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเลือกตั้ง ประชาชนก็ไม่ต้องมีความหมายเอาเก้าอี้มาตั้งแล้วก็ประมูลกัน ใครไม่ให้เงินมากกว่าเพื่อนคนนั้นเป็นผู้แทน สภาผู้แทนก็เลยกลายเป็นสภาคนมีเงินอย่างเดียวแล้วประเทศจะมีไปทำไม ใครจะมาทำหน้าที่แทนคนจน ในเมื่อมีแต่คนรวยทั้งสภา เพราะฉะนั้นความรวยไม่ใช่เงื่อนไขที่จะนำมาซึ่งการตัดสินใจให้เราได้ผู้แทนราษฎรที่ดีที่เป็นผู้แทนแทนเราได้ เราต้องพิจารณาจากสภาพความเหมาะสมและคุณสมบัติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพรรคการเมืองที่สังกัดว่าเขาควรที่จะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรหรือไม่ อย่าให้เงินมามีอำนาจเหนือความดี เหนือคุณภาพศักยภาพของความเป็นนักการเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตย


นอกจากนี้หัวหน้าพรรประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงเหตุผล 2 ข้อที่ควรเลือก สุภาพร กำเนิดผล เบอร์ 1 ว่า 1. เป็นคนดีมีความเหมาะสม ทั้งทางสังคมและทั้งทางการเมือง เพราะ สุภาพร กำเนิดผลได้พิสูจน์ให้เห็นว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีบทบาทและทำงานทุ่มเทร่วมกับกลุ่มสตรีจังหวัดสงขลามาตลอด สำหรับในทางการเมืองบทบาทในการบริหาร เมื่อครั้งเลือกตั้งนายก อบจ. พี่น้องชาวจังหวัดสงขลาได้ให้ฉันทามติกับ นายไพเจน มากสุวรรณ์ ให้ไปทำหน้าที่เป็น นายก อบจ. “น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผลก็ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานโดยไปเป็นรองนายก อบจ. เพราะฉะนั้นคนนี้จึงมีประสบการณ์ในการบริหารองค์การบริหารปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดระดับจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่อย่างสงขลา ดังนั้นในอนาคตถ้ามีโอกาสไปทำงานในระดับประเทศ ก็สามารถทำงานในฐานะผู้แทนราษฎรระดับชาติได้สบาย

2. สุภาพร กำเนิดผล ผู้สมัครเบอร์ 1 นั้น สังกัดพรรคการเมืองที่ดี พรรคประชาธิปัตย์นั้นให้ความสำคัญ และให้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เข้ามามีบทบาททางการเมือง ซึ่งผู้หญิงของประชาธิปัตย์มีเก่ง ๆ หลายคน อาทิ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษา รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู (แม่เลี้ยงติ๊ก) ส.ส.แพร่ ในภาคใต้ จังหวัดพังงามี กันตวรรณตันเถียร จังหวัดกระบี่มี ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ภูเก็ตมี อัญชลี วานิช เทพบุตร จังหวัดนครศรีธรรมราชมีพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สุราษฎร์ธานี มีวชิราภรณ์ กาญจนะ พัทลุงมีสุพัชรี ธรรมเพชร นอกจากนี้ยังมี มัลลิกา บุญมีตระกูล แต่จังหวัดสงขลายังไม่มีส.ส. ผู้หญิง ดังนั้นนี่คือโอกาสของคนสงขลาที่จะเปิดศักราชใหม่ทางการเมืองสร้างตำนานใหม่ในทางการเมืองให้กับจังหวัด

“พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคการเมืองเฉพาะกิจ แต่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งขึ้นมาเพื่อตั้งใจที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศไปยาวนานยั่งยืน เพราะประชาธิปัตย์ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะไปหนุนให้ใครคนใดคนหนึ่งมีอำนาจพอคนนั้นพ้นจากอำนาจและก็ทิ้งชาวบ้านที่เดินตามหลังมา เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์จึงอยู่ยั้งยืนยงมา 70 กว่าปี เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์จึงเป็นพรรคการเมืองที่พี่น้องฝากผีฝากไข้ไว้ได้ ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจที่พี่น้องเลือกไปแล้วเที่ยวหน้าถ้าเขายุบพรรคทำยังไง หรือว่าพรรคเลิกไป แล้วผู้แทนที่เราเลือกไปจะว้าเหว่กลายเป็นสัมภเวสีลอยไปลอยมาไม่รู้เข้าข้างไหน นี่คือเหตุผลเพราะอะไรความเป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนของประชาธิปัตย์จึงมีความสำคัญ และถ้าเลือกไปแล้วเสียหายพี่น้องกลับมาทวงคืนความเสียหายที่ประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบได้ เพราะประชาธิปัตย์ยังอยู่ ไม่ใช่สูญหายไปแล้วไม่รู้จะไปทวงความเสียหายจากใคร” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

นอกจากนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ชี้แจงเรื่องโครงการคนละครึ่ง ว่า โครงการดังกล่าวไม่ใช่นโยบายพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ทั้งชุด เนื่องจากโครงการคนละครึ่งไม่ใช่นโยบายของพรรคการเมืองที่ใช้ในการหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง แต่เป็นโครงการที่เกิดขึ้นหลังจากเราประสบปัญหาโควิด ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันมีประชาธิปัตย์อยู่ร่วมกันแก้ปัญหา เมื่อมีการลงมติให้ออก พ.ร.ก.กู้เงิน จึงได้นำเงินนั้นมาทำนโยบายคนละครึ่ง เพราะฉะนั้นคนละครึ่งจึงไม่ใช่นโยบายพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง

“ถ้าพรรคไหนก็ตามมาบอกว่าเป็นนโยบายพรรคเขา อันนี้ลักวิ่งชิงปล้นกลางแดดเลย และพรรคการเมืองที่ยกมือให้กับคนละครึ่ง ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองหนึ่ง รวมทั้งนายนิพนธ์และนายจุรินทร์ด้วย ใครก็ตามมาบอกว่าถ้าไม่เลือกเขา เขาจะเลิกคนละครึ่ง หลายคนส่ายหัว มันเลิกไม่ได้เพราะเป็นนโยบายรัฐบาลไปแล้ว เพราะฉะนั้นพี่น้องเลือกน้ำหอมเบอร์ 1 วันที่ 16 ม.ค. คนละครึ่งก็ยังอยู่” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์  กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า จากที่มีคนทำให้เขวว่าการเลือกตั้งเที่ยวนี้คือการเลือกนายกฯ เพราะถ้าไม่เลือกพรรคการเมือง จุด จุด จุด บิ๊กตู่จะไม่ได้เป็นนายกฯ นั้น ไม่ใช่ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เลือกตั้งทั่วไป ไม่ใช่เลือกตั้งผู้แทนเพื่อไปลงคะแนนยกมือนายกฯ  เพราะนายกฯ มีแล้ว รัฐบาลก็มีแล้ว เลือกตั้งวันที่ 16 ม.ค.ไม่มีผลกับการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ไม่มีผลกับการเปลี่ยนแปลงนายก เพียงแต่จะมีผลในการคืนที่นั่ง คืนความยุติธรรมให้กับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น

สำหรับความพยายามที่จะสร้างกระแสว่า เลือกตั้งเที่ยวนี้คนสะเดาลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยเพราะฉะนั้นคนสะเดาต้องเลือกคนสะเดานั้น  ตนไม่ตำหนิและไม่มีอะไรวิจารณ์ความคิดนี้ แต่สิ่งหนึ่งอยากกราบเรียนว่า เลือกตั้งซ่อมเที่ยวนี้ไม่ใช่เลือกผู้ใหญ่บ้านที่บอกว่าเลือกผู้ใหญ่บ้านต้องเลือกจากคนที่อยู่ในหมู่เดียวกับเรา นี่เป็นเลือกตั้งระดับประเทศเป็นการเลือกตั้งระดับชาติ เลือกตั้งคนไปทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรแทนคนทั้งประเทศ รวมทั้งแทนคน จ.สงขลาบ้านเราด้วย เวลาผู้แทนราษฎรที่พี่น้องเลือกไปขึ้นพูดในสภา เขาจะต้องรายงานตัวบอกว่า กระผม/ดิฉัน ผู้แทนราษฎร จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคไหนก็ตาม เพราะฉะนั้นมันไม่จำเป็นว่าถ้าเลือกผู้แทน จ.สงขลาเขต 6 ซึ่งมีอำเภอสะเดาอยู่ในเขต 6 ด้วยแล้วต้องเป็นคนสะเดาเสมอไป แล้วถ้าเป็นคนสะเดาอย่างเดียว แล้วคนหาดใหญ่จะทำยังไง คน อ.คลองหอยโข่งจะทำยังไง คนๆ เดียวไม่ได้เกิด 3 อำเภอได้

“นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้เราได้ตระหนักหลักในการที่จะพิจารณาให้ดูว่าคนๆ นี้ มีคุณสมบัติ มีความรู้ มีความสามารถ มีศักยภาพ มีความดีที่จะไปเป็นผู้แทนราษฎรแทนเราได้หรือไม่ และเข้าสังกัดพรรคการเมืองที่ดีหรือไม่ เป็นพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันพรรคการเมืองยั่งยืนที่เราจะฝากอนาคตทางการเมืองไว้ได้หรือไม่ ถ้าพี่น้องเห็นด้วยกับผม วันที่ 16 มกราที่จะถึงนี้พี่น้องช่วยกันไปลงคะแนนหนุน “น้ำหอม” เบอร์ 1 พรรคประชาธิปัตย์ สุภาพร กำเนิดผล พาพรรคพวกเพื่อนฝูงไปช่วยลงคะแนนด้วย เพราะลำพังเราคนเดียวเสียงไม่พอที่จะทำให้คนที่เราสนับสนุนสามารถเป็นผู้แทนราษฎร ขอให้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ช่วยกันสร้างตำนานการเมืองให้สงขลามีผู้แทนราษฎรผู้หญิงคนแรกมารับใช้เรา และช่วยชุบวิญญาณประชาธิปัตย์ของพวกเราทุกคนในฐานะพรรคการเมืองของคนสงขลาบ้านเราให้ได้กลับคืนมาด้วย” นายจุรินทร์กล่าวในที่สุด

สำหรับการปราศรัยในวันนี้ มีพี่น้องประชาชนจากอำเภอสะเดา และพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมฟังปราศรัยเป็นจำนวนมาก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยกทีมใหญ่จากพรรค ประกอบด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สงขลา รมช.มหาดไทย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นพ. บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง นายธนิตพล ไชยนันทน์ อดีต ส.ส.ตาก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค ส.ส.สงขลา นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง นายเกตุชาติ เกศา ว่าที่ผู้สมัคร นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรค ส.ส.นครศรีธรรมราช นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว อดีต ส.ส.สงขลา รองนายก อบจ.สงขลา น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส. นครศรีธรรมราช น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ขึ้นเวทีอย่างคับคั่ง

ภายหลังการปราศรัย นายจุรินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อเพิ่มเติมว่า ประชาธิปไตยบ้านเราจะพัฒนาก้าวหน้าได้ เราต้องไม่เอาเรื่องเงินมาเป็นปัจจัย จะรวยจะจนขอให้มีศักยภาพ ขอให้มีความรู้ความสามารถ และมีอุดมการณ์ในทางการเมือง เป็นผู้แทนได้หมด และการตัดสินใจพิจารณาของพี่น้องประชาชนนั้นก็ต้องไม่ไปตัดสินจากเงิน ไม่ใช่ใครรวยเราจะเลือกคนนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไปสภาผู้แทนก็กลายเป็นเวทีของคนรวยเท่านั้น คนจนจะไม่มีโอกาส คนเก่ง คนดีจะไม่มีโอกาส อยากฝากให้เป็นหลักคิด และผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับผม เพียงแต่ว่าเมื่อมีความคิดนี้เกิดขึ้นมาเราก็ต้องช่วยกันในการที่จะลบล้างเพื่อจะบอกว่ามันไม่ถูกต้องโดยหลักคิดแบบนี้