"จุรินทร์"ลุยชุมพรขอคะแนนเสียงหนุน “อิสรพงษ์”

2022-01-08 23:12:27

"จุรินทร์"ลุยชุมพรขอคะแนนเสียงหนุน “อิสรพงษ์”

Advertisement

"จุรินทร์"นำทัพคนรุ่นใหม่ลุยชุมพรขอคะแนนเสียงหนุน “อิสรพงษ์” ทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯ

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี  รมช.มหาดไทย นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.จันครศรีธรรมราช นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันเดินรณรงค์หาเสียงสนับสนุนนายอิสรพงษ์ มากอำไพผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร หมายเลข 1 ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 1 

นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในการลงพื้นที่ชุมพรครั้งนี้ถือว่าเสียงตอบรับดีมาก เฉพาะในเขตเทศบาลที่มาลงพื้นที่วันนี้ และเมื่อคืนที่มีการปราศรัยใหญ่ที่ อ.สวี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ก็มานำการปราศรัย มีประชาชนมาต้อนรับเยอะมาก และมีผู้มาฟังการปราศรัยจำนวนมาก รวมทั้งในสงขลาที่ตนเดินทางไปมาก่อนหน้านี้ และกำลังจะไปอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เราเห็นบรรยากาศคนที่มาฟังปราศรัยแล้ว เหมือนวันคืนที่ผ่านมาในยุคที่ประชาธิปัตย์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นมันกลับคืนมา ดูได้จากปริมาณคนที่มาฟังปราศรัย และปฏิกิริยาของคนที่มาฟังการปราศรัย เมื่อคืนที่ อ.สวี ชุมพร เขต 1 ก็เหมือนกัน เราก็เชื่อว่าผู้สมัครทั้งที่ชุมพร และสงขลา จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากพี่น้องประชาชนทั้ง 2 จังหวัด โดยเฉพาะที่ชุมพร วันนี้ผมจะเดินหาเสียงทั้งวันกับผู้สมัครของเรา จะได้เห็นว่าเสียงตอบรับการออกมาต้อนรับของพี่น้องประชาชน ความมั่นใจโดยที่เราไม่ได้ถาม เพียงแต่ขอฝากเท่านั้น แต่ได้รับเสียงตอบรับเยอะเลยบอกว่า เลือกแน่ เที่ยวนี้จะลงคะแนนให้หมายเลข 1

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการที่พรรคแกนนำรัฐบาลมาลงหาเสียงจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกพรรคก็มีสิทธิ์มาหาเสียง ส่วนนโยบายรัฐบาลเรื่องนั้นทุกพรรคที่อยู่ในรัฐบาลก็ทำงานร่วมกัน คงไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง เช่นบอกว่าคนละครึ่งของพรรคนั้นของพรรคนี้ แต่มันก็ของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งก็มีทั้งประชาธิปัตย์ มีทั้งพรรคการเมืองอื่นก็อยู่ในคณะรัฐบาลด้วยกัน เพราะฉะนั้นควรจะมีประเด็นสำคัญอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่นความเป็นพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันที่ประชาชนมั่นใจได้ว่าเลือกไปแล้วไม่เสียของ ครั้งหน้าพรรคการเมืองนี้ก็ยังอยู่ เพื่อประชาชนจะได้ฝากฝีฝากไข้ไว้ได้ต่อไปในอนาคต ไม่ใช่เลือกไปเสร็จครั้งหน้าอาจจะไม่มีแล้ว ประชาชนก็ต้องไปหาที่พึ่งใหม่อีก นอกจากนั้นก็ยังเป็นปัจจัยอื่นๆ ในเรื่องของตัวผู้สมัคร ซึ่งผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดชุมพร เขต 1 ก็จบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ จบปริญญาโทจากอังกฤษด้านบริหารธุรกิจ เพราะฉะนั้นภูมิรู้ ศักยภาพในการเข้าไปทำหน้าที่เพื่อขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจในสภาผู้แทนราษฎรก็มีความเพียบพร้อม และเป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 30 กว่า ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายอีกจุดหนึ่ง และที่สำคัญอีกเรื่องของชุมพร ก็คือการเลือกตั้งซ่อมเกิดจากการที่ นายชุมพล จุลใส (ลูกหมี) จำเป็นที่จะต้องพ้นจากการตำแหน่ง ส.ส. เพราะไปก่อการดีให้บ้านเมือง เพียงแต่เข้าข่ายกรณีที่ต้องพ้นจากคุณสมบัติการเป็นผู้แทนซึ่งทุกท่านทราบดี เพราะฉะนั้น คุณอิสรพงษ์ มากอำไพ เบอร์ 1 ถือว่าเป็นตัวแทนที่ลูกหมีไว้วางใจ ดังนั้นก็มั่นใจว่าจะทำหน้าที่แทนเขาได้ และการสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ก็จะยิ่งเป็นแรงหนุนส่งสำคัญ เพราะฉะนั้นเราก็มั่นใจว่าเสียงตอบรับจะยังคงเหนียวแน่นสำหรับประชาธิปัตย์

ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงที่ผ่านมามีการเปิดเผยว่ามีทหารมาลงพื้นที่ เหมือนมาชักจูงหรือมีการใช้อำนาจรัฐแทรกแซงนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนอยากให้แยกเป็น 2 กรณี ยังไม่อยากให้นำ 2 เรื่องนี้มาปนกัน เรื่องการใช้อำนาจรัฐนั้น ตนถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อำนาจรัฐมีไว้ใช้ในทางที่ชอบ ไม่ใช่มีไว้ใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย หรือเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องตระหนัก จะจับไม่ได้ ไล่ไม่ทันก็ต้องมีความละอายด้วยว่า สิ่งที่ทำนั้นมันสมควรหรือไม่ เหมาะสมแค่ไหน ซึ่งเป็นจิตสำนึกเฉพาะพรรค เฉพาะตัว ซึ่งไม่ควรให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเขตเลือกตั้งไหน เลือกตั้งซ่อม หรือเลือกตั้งทั่วไปก็ตาม

“สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องย้ำ และผมไม่เชื่อว่าประชาชนอยากเห็น ประชาชนเขาไม่ได้ชื่นชม และไม่ได้สบายใจกับการใช้อำนาจรัฐในทางไม่ชอบ มาข่มเหงรังแกพรรคอื่น หรือมาข่มเหงรังแกพรรคโน้นพรรคนี้ หรือเหมือนกับมาข่มขืนใจประชาชน ให้จะต้องเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ ประชาชนที่นี่เขามีสิทธิเสรีภาพ และคนภาคใต้มีการศึกษาทางการเมืองสูง คนชุมพรก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจะมาใช้อำนาจรัฐข่มเหงรังแก สั่งโน่นสั่งนี่ ผมไม่คิดว่าจะทำได้ง่าย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

นายจุรินทร์ ยังได้กล่าวถึงกรณีการยิงรถหาเสียงว่า คงต้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องไปดูว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเป็นเรื่องการเมือง เพราะเราไม่สามารถไปตอบแทนได้ว่าเป็นเรื่องอะไร สาเหตุที่มาที่ไปเกิดจากอะไร ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องไปติดตามตรวจสอบ และถ้าเป็นเรื่องการเมืองก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นการเมืองแบบไหน ใครทำ หรือเกิดจากอะไร ก็เป็นเรื่องที่ต้องมองให้ลึกรอบด้าน ให้เจ้าหน้าที่เป็นคนสรุป ตนไม่อยู่ในฐานะที่จะไปสรุปได้ แต่ประเด็นสำคัญก็คือเราไม่อยากเห็นการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำของใครก็ตาม อยากให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม เป็นไปโดยสงบ ให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเสรีภาพตามดุลยพินิจของประชาชนเองอย่างเต็มร้อย ก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด กกต. ก็ต้องเข้ามาช่วยดูด้วย