สธ.จ่อชง ศบค.คุมเข้ม จว.ติดโควิดเกิน 100 ราย (มีคลิป)

2022-01-06 12:43:06

สธ.จ่อชง ศบค.คุมเข้ม จว.ติดโควิดเกิน 100 ราย (มีคลิป)

Advertisement

"หมอโอภาส"แนะเดินทางข้ามจังหวัดกรณีจำเป็น เลี่ยงไป ตปท. ชง ศบค. 7 ม.ค. คุมเข้มจังหวัด ติดเชื้อเกิน 100 ราย 

เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวว่าสถานการณ์โควิด -19 ว่า ภาพรวมของโรคเข้าใกล้ 300 ล้านคนไปทุกขณะ กระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และในหลายๆ ทวีป ที่มีข้อสังเกตคืออัตราการเสียชีวิตเริ่มลดน้อยลงจากเดิม อยู่ที่ 2.2% ขณะนี้เหลือ 1.8% เพราะเชื้ออ่อนแรงลง มีการฉีดวัคซีนไปทั่วโลก และการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะผลกระทบจากการระบาดทั่วโลกจะมีผลกระทบถึงประเทศไทยด้วย  สำหรับประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่รายงาน 5,775 ราย เพิ่มมากกว่าค่าเฉลี่ยใน 7 วันย้อนหลังซึ่งอยู่ที่ 3,561 ราย วันนี้เป็นวันที่ผู้ป่วยเพิ่มค่อนข้างมาก โดยเป็นผู้มาจากต่างประเทศ 215 รายโดยจากระบบ test & go 135 ราย แซนด์บ็อกซ์ 62 ราย แต่แนวโน้มคนมีอาการหนักปอดอักเสบลดลง เหลือ 536 ราย และผู้ที่มีอาการมากต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็ลดลง 146 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 11 คนแนวโน้มลดลง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเรามีการฉีดวัคซีนไปค่อนข้างมากเกินร้อยล้านโดสแล้ว เพราะฉะนั้นแนวโน้มก็จะเป็นคล้ายๆ แบบนี้ เพียงแต่การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยังต้องระมัดระวังสายพันธุ์โอมิครอน จากการมีกิจกรรมที่มีการเฉลิมฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งยังต้องประเมินผลและแจ้งเตือนประชาชน ทั้งนี้เมื่อกลับมาแล้ว work from home ยังเป็นมาตรฐานสำคัญคนที่จำเป็นจะต้องกลับไปทำงานก็ขอให้ตรวจด้วย ATK อย่างน้อย 2 ครั้งห่างกัน 3 วันเพื่อที่จะได้มีมาตรการในการระมัดระวังทั้งตัวท่านเองและบุคคลที่ทำงานร่วมกับท่าน กรณีมีผลบวกให้ติดต่อสายด่วน 1330 สปสช" เพื่อลงทะเบียนรับยารับอุปกรณ์ในการติดตามและมีการรักษาเวลา 10 วัน และช่วงนี้ขอให้งดไปสถานที่เสี่ยงร้านอาหารกึ่งผับบาร์

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์กทม.และปริมณฑลมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 310 ราย ชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้น 49 ราย ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 1,462 ราย สอดคล้องกับสถานการณ์ที่รายงานข้างต้นว่าการระบาดกระจายไปทั่วประเทศมากบ้างน้อยบ้างต่างกัน สำหรับผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดในวันนี้เป็นผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีหรือมีโรคประจำตัวเรื้อรังเพราะฉะนั้นท่านใดที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ขอให้ลูกหลานผู้เกี่ยวข้องแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพาคนเหล่านี้ไปรับวัคซีนเพราะวัคซีนพิสูจน์หลายครั้งแล้วว่าลดการเสียชีวิตในผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังและผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี  ทั้งนี้ภาพรวมในแต่ละจังหวัด วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ จ.ชลบุรีมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากเป็นอันดับ 1 อันดับ 2 คือสมุทรปราการ ส่วน กทม.ตกมาเป็นอันดับ 3 ถ้าสังเกตดูจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากส่วนใหญ่จะเป็นจังหวัดท่องเที่ยว จังหวัดที่มีคนเดินทางหนาแน่น รวมทั้งการเกิดคลัสเตอร์ในร้านอาหารกึ่งผับ บาร์ที่มีการดำเนินการดื่มสุราผิดตามมาตรการที่กำหนด ซึ่งมีหลายที่ เช่น อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเรียบร้อยแล้ว

"ถ้าดูในภาพรวมแนวโน้นเส้นกราฟที่ทำนายเอาไว้ค่อนข้างขึ้นเร็ว ถ้าเป็นไปตามที่คาดการณ์ถ้าไม่มีมาตรการหรือความร่วมมือของประชาชน ซึ่งเราจะขอความร่วมมือเพิ่มเติม จะทำให้เรามีผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 10,000 รายได้ภายในเร็ววันนี้ แต่ผู้เสียชีวิต ยังมีแนวโน้มลดลง ต้องให้กับการฉีดวัคซีนเป็นหลักโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ตอนนี้ถึงแม้ว่าโอมิครอนจะมีอาการไม่ค่อยจะมีความรุนแรงลดลง แต่หากยังติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงก็ยังมีความเสี่ยงเสียชีวิตได้” นพ.โอภาส กล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า จากการประชุม EOC  กระทรวงสาธารณสุข เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ประชุมได้ยกระดับการเตือนภัยจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 เนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็ว สิ่งที่จะดำเนินการคือ 1. ขอให้งดไปสถานที่เสี่ยง งดรับประทานอาหาร ดื่มสุราในร้านอาหาร สำหรับสถานที่เสี่ยงทุกประเภท เช่น สถานที่ที่ระบบระบายอากาศไม่ดี สถานที่มีคนอยู่ร่วมกันอย่างแออัด สถานที่ที่มีการใส่หน้ากากอนามัยน้อยมากหรือไม่ใส่หน้ากากอนามัย ตัวอย่างที่เห็นชัดคือร้านอาหารกึ่งผับบาร์ที่เป็นต้นตอการระบาดหลายคลัสเตอร์ที่กาฬสินธุ์และอุบลราชธานี 2. กิจกรรมที่มีคนรวมตัวเป็นหมู่มากขอให้หลีกเลี่ยงหรืองดการไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนรวมตัวอยู่เป็นหมู่มาก 3. การเดินทางข้ามจังหวัดขอให้งดโดยสารรถขนส่งสาธารณะทุกประเภทโดยไม่จำเป็น แต่หากมีความจำเป็นก็ขอให้ระมัดระวัง ซึ่งขณะนี้ขนส่งสาธารณะได้มีมาตรการค่อนข้างเข้มงวดไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากอนามัย การตรวจ ATK  ในยานพาหนะที่ต้องเดินทางร่วมกันเป็นเวลานาน

"ยังเดินทางข้ามจังหวัดได้แต่ขอให้เป็นกรณีจำเป็นเท่านั้นหากไม่จำเป็นก็ขอให้หลีกเลี่ยงและมีการป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวด ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศขณะนี้พบว่าประชาชนที่เดินทางไปต่างประเทศติดเชื้อกลับมาจำนวนมาก ดังนั้นตอนนี้หากไม่จำเป็นก็ขอให้งดเดินทางไปต่างประเทศ อย่างที่ทราบตอนนี้ถ้าเทียบสถานการณ์ทั่วโลกกับประเทศไทยและไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ยุโรปมีการติดเชื้อสูงกว่าประเทศไทย ดังนั้นขอให้งดเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่จำเป็น ส่วนคนไทยที่เดินทางกลับมาจะต้องถูกกักตัว ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข จะเสนอ ศบค.ในวันที่ 7 ม.ค.ให้เข้มงวดในเรื่องของการปรับมาตรการเพิ่มเติม และปรับระดับสีจังหวัด"นพ.โอภาส กล่าว

เมื่อถามว่ามีกี่จังหวัดที่จะปรับสีจังหวัด นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องนี้สธ.เตรียมเสนอ แต่ขอให้ผ่านการพิจารณาของศบค.ก่อน ซึ่งจะประชุมในวันที่ 7 ม.ค.นี้ อย่างขณะนี้ถ้าดูสถานการณ์จะมีอยู่ 10 จังหวัดที่มีอัตราการติดเชื้อเกิน 100 ราย ต่อวัน แต่ก็จะต้องประเมินอีกครั้ง ส่วนมาตรการที่จะเข้าไปดำเนินการนั้นเบื้องต้นกรณีสีแดง สีแดงส้ม การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำไม่ได้หากพื้นที่ไหนถูกยกระดับก็ทำไม่ได้  ส่วนโรงเรียนไม่ถือเป็นพื้นที่เสี่ยง จุดที่เสี่ยงในโรงเรียนมี 2 จุดคือ 1. การรับประทานอาหารในโรงอาหาร 2. การทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เช่น การเชียร์กีฬา การร้องเพลง หากปรับตรงนี้ได้ก็ไม่ถือว่าเสี่ยง ขณะที่วันเด็กเสาร์ที่ 8 ม.ค.นี้ ขอให้ประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงกัน อย่างกรณีมีกิจกรรมโรงหนังให้เด็กเข้าไปดูหนังฟรีนั้นหากมีระบบระบายอากาศดี มีการจำกัดจำนวนคน มีการสวมหน้ากากอนามัยก็สามารถทำได้ แต่ขอให้ประเมิน และชั่งน้ำหนักดูว่าจะคุ้มหรือไม่ หากไม่คุ้มอาจจะเลื่อนดีกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเอกสารประกอบการแถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามี 12 จังหวัดที่มีอัตราการติดเชื้อรายใหม่ เกิน 100 ราย อันดับ 1 คือ จังหวัดชลบุรี ติดเชื้อ 769 ราย สมุทรปราการ 494 ราย กทม. 454 ราย เชียงใหม่ 378 ราย อุบลราชธานี 348 ราย ขอนแก่น 242 ราย ภูเก็ต 226 ราย ระยอง 121 ราย นครศรีธรรมราช 120 ราย อุดรธานี 116 ราย ฉะเชิงเทรา 108 ราย และ มหาสารคาม 100 ราย.