"หมอนิธิ" ชี้วัคซีนเข็มกระตุ้นทางเลือกสกัดโควิด

2022-01-06 03:30:52

"หมอนิธิ" ชี้วัคซีนเข็มกระตุ้นทางเลือกสกัดโควิด

Advertisement

"หมอนิธิ" ชี้วัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นทางเลือกที่ได้ผลมากที่สุดรักษาระดับภูมิคุ้มกันไม่ให้ลดลงมาก จนกว่าองค์การอนามัยโลกจะประกาศการระบาดยุติลงแล้ว

เมื่อวันที่ 6 ม.ค.  ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นมีความจำเป็นมาก เพราะเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา และเป็นธรรมชาติที่เชื้อต้องการอยู่รอด จึงปรับตัวหนีภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนเราไปเรื่อย ๆ วิธีที่จะจัดการไม่ให้เชื้อหนีเราไปได้มี 2 วิธี คือ การทำให้ภูมิคุ้มกันของเราสูงขึ้นหรือหาวัคซีนใหม่ แต่สำหรับโควิด-19 ที่มีการระบาดต่อเนื่องแบบนี้ การหาวัคซีนใหม่นั้นยากเพราะต้องใช้เวลา การกระตุ้นไม่ให้ภูมิคุ้มกันลดลงจึงเป็นทางออกในตอนนี้ วัคซีนหรือยาทั่วไปก็เหมือนกันคือเมื่อร่างกายได้รับวัคซีนหรือยาแล้ว ภูมิคุ้มกันจะสูงอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆลดลง เราจึงต้องกระตุ้นอยู่เรื่อยๆ เพื่อรักษาระดับภูมิคุ้มกันให้สูงไว้จนกว่าเราจะมีวัคซีนโควิด-19 ใหม่ หรือโควิด-19 ไม่เป็นโรคระบาดแล้ว และกลายเป็นเหมือนไข้หวัดตามฤดูกาล

ศ.นพ.นิธิ กล่าวต่อว่า คำถามสำคัญตอนนี้ คือ ปริมาณของวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นต้องใช้แค่ไหนจึงจะเหมาะสม ขณะนี้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบระดับภูมิคุ้มกันหลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ของโมเดอร์นาเข็มกระตุ้น ขนาด 50 ไมโครกรัมและ 100 ไมโครกรัม และจะเน้นการวิจัยในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั้ง 2 เข็มแรกเป็นวัคซีนชนิดเดียวกัน เช่น ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์ม 2 เข็มแรก หรือวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็มแรก สาเหตุที่จำเป็นต้องทำการวิจัยนี้ในประเทศไทย เนื่องจากการศึกษาในต่างประเทศนั้น ประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนเข็มแรกและเข็มสองเป็นชนิด mRNA ส่วนในประเทศไทย ในระยะแรก ประชาชนได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตายเป็นส่วนใหญ่ ก่อนจะเป็นวัคซีนชนิดไวรัลเวคเตอร์ ผลการศึกษาจากต่างประเทศจึงอาจมีข้อมูลที่แตกต่างไป จึงจำเป็นต้องทำการศึกษาวิจัยสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ การวิจัยนี้จะเน้นศึกษาระดับภูมิคุ้มกันที่มีต่อโปรตีนหนาม (Spike Protein) ที่ไวรัสใช้จับกับตัวรับบนเซลล์ของร่างกาย คือ IgG และใช้วัคซีนชนิด mRNA เป็นเข็มกระตุ้นเนื่องจากผลการวิจัยทั่วโลกยืนยันว่าวัคซีนชนิด mRNA เป็นวัคซีนที่กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าวัคซีนชนิดอื่น

"ตอนนี้เรายังไม่มีวัคซีนที่ป้องกันสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งโดยเฉพาะ เราจึงต้องอาศัยวัคซีนชนิด mRNA ที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิได้มากเป็นหลัก ในการวิจัย และต้องใช้เวลา 2-3 เดือนจึงจะเสร็จสิ้น จึงน่าจะทราบผลการวิจัยประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2565” ศ.นพ.นิธิ กล่าว

ศ.นพ.นิธิแนะนำว่า ประชาชนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันและการรักษาโควิด-19 รวมทั้งติดตามข้อมูลทางวิชาการอยู่เสมอ เพราะมีข้อมูลใหม่ออกมาอยู่เรื่อย ๆ ขณะเดียวกันบริษัทผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ต่างก็มีการพัฒนาวัคซีนใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เราไม่ควรกังวลมากเกินไปกับข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะแพทย์จะต้องหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนอยู่แล้ว สิ่งที่ทุกคนควรทำ คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคนี้ให้ได้ พยายามอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี ใส่หน้ากากล้างมือ ไม่อยู่ใกล้กันมากเกินไป แต่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จะให้อยู่ห่างกันมากคงไม่ได้ ดังนั้น วัคซีนจึงมีความสำคัญมากในขณะนี้ และควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อรักษาระดับภูมิคุ้มกันไม่ให้ลดลงมาก

สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิด mRNA ไปแล้ว ศ.นพ.นิธิแนะนำว่า ให้ทิ้งช่วงประมาณ 4-6 เดือนก่อนจะรับวัคซีนเข็มกระตุ้น สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตาย ควรทิ้งช่วงประมาณ 2-3 เดือน และไวรัลเวคเตอร์ 3-6 เดือน ทั้งนี้ระยะห่างก่อนฉีดเข็มกระตุ้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับอัตราการระบาดในสังคม ความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ รวมถึงความเสี่ยงจากโรคประจำตัวของแต่ละคนที่จะทำให้ระดับความรุนแรงของโรคมีมากขึ้น วัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น จึงเป็นทางเลือกที่ได้ผลมากที่สุด จนกว่าองค์การอนามัยโลกจะประกาศว่าการระบาดของโควิด-19 ยุติลงแล้ว