"ไพบูลย์" เผยส่งร่าง ก.ม.ลูกเลือกตั้ง ส.ส.-พรรคการเมือง ให้ ปธ.วิปรัฐบาล ถามความเห็นพรรคร่วมแล้ว
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการยื่นแก้ไขร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า ขณะนี้กระบวนการแก้ไขร่างพ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ ภายในพรรคเสร็จเรียบร้อย ซึ่งได้นำเรียนหัวหน้าพรรคเพื่อทราบ และได้ส่งให้นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล ) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการสอบถามความคิดเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลว่าใครจะร่วมกับพรรคเราบ้าง ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าจะมีพรรคร่วมบางส่วนเห็นด้วยกับแนวทางของเรา ส่วนจะเสนอร่างแก้ไขทั้ง 2 ฉบับได้ช่วงใดนั้น เบื้องต้นต้องรอผลหารือจากทางประธานวิปรัฐบาลก่อน
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสาระสำคัญการแก้ไขร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เรื่องการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ เราใช้แนวทางเดียวกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่กรณีเมื่อรอบแรกแบ่งจำนวนส.ส. บัญชีรายชื่อแล้วไม่ถึง 100 มีเศษเหลือ เราเขียนให้พรรคที่มีเศษจำนวนมากสุดได้ส.ส. ไป ซึ่งพรรคนั้นอาจจะยังไม่เคยได้ส.ส.เลยก็ได้ แต่เมื่อได้เศษสูงสุดก็ต้องให้ส.ส. 1 คน ซึ่งตรงนี้จะต่างจาก กกต.ที่ให้พรรคการเมืองที่ได้แบ่งส.ส.ไปแล้วมาได้อีก ส่วนเบอร์ของผู้สมัครเราเห็นว่าไม่ควรใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศทั้งแบบส.ส.แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ เนื่องจากเราเปลี่ยนมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เมื่อเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เจตนาเราคือใครต้องการเลือกพรรคก็เลือกเบอร์พรรค ใครเลือกเขตคนใดก็เลือกตามที่ผู้สมัครส.ส.คนนั้นได้ เพื่อประชาชนจะได้จำที่ตัวผู้สมัครเป็นหลัก ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตลงพื้นที่หาเสียงได้ใกล้ชิดประชาชนมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ใช้แต่กระแสของพรรคอย่างเดียว
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ส่วนร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เบื้องต้นมีปรับปรุงด้วยเช่นกัน เช่นเรื่องเขตของตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด สาขาพรรคเดิมใช้เขตเลือกตั้ง เปลี่ยนมาเป็นเขตจังหวัด คือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดใช้เขตจังหวัด สมาชิกที่อยู่ในเขตจังหวัดนั้นๆ และเวลาลงมติมีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดก็ส่งส.ส.ได้ รวมทั้งเขียนอีกว่าถ้ามีสมาชิกในจังหวัดนั้นถึง 500 คน ไม่ต้องตั้งเป็นสาขาพรรคก็ได้ ซึ่งกฎหมายเดิมเขียนบังคับว่าเมื่อถึง 500 คน ต้องตั้งสาขาพรรคภายในเวลาที่กำหนดด้วย ส่วนไพรมารีโหวตก็อาจจะทำในเขตจังหวัด เฉพาะส.ส.แบบแบ่งเขต ส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ควรใช้กระบวนการเปิดให้สมาชิกมีส่วนร่วมเหมือนไปรับฟังความคิดเห็น รวมทั้งปรับลดค่าสมัครสมาชิกทั้งแบบรายปีและแบบตลอดชีพโดยตลอดชีพจะอยู่ที่ 200 บาท เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมได้มากขึ้น