"สุเทพ"ไม่เห็นด้วยแก้ ม.112 (มีคลิป)

2021-11-04 16:47:01

 "สุเทพ"ไม่เห็นด้วยแก้ ม.112 (มีคลิป)

Advertisement

"สุเทพ"ไม่เห็นด้วยแก้ ม.112 กังวลเรื่องนี้นำไปสู่ข้อขัดแย้งของคนในประเทศ

เมื่อเวลา 16.00 น วันที่ 4 พ.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท.)ได้เผยแพร่รายการ  "คุยกับลุง" EP 4 ผ่านเพจ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)  ระบุว่า  วันนี้ขอมาสนทนาเรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 มีคนออกมาแสดงความคิดเห็นในสาธารณะ ทั้งผู้ที่ต้องการจะแก้ไข และผู้ที่ไม่เห็นด้วย วันนี้ผมไม่ได้มาชวนพี่น้องประชาชน ให้ไปวิพากษ์วิจารณ์ว่า คนที่เสนอแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ถูกใจหรือไม่ถูกใจ พวกเราประชาชนอย่างไร ที่ยังไม่ต้องไปวิจารณ์ว่า ถูกใจหรือเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เพราะยังไม่เห็นว่า ร่างกฎหมายที่เขาจะเสนอแก้ไขนั้น มีเนื้อหาสาระมีข้อความอย่างไร เขาจะแก้ส่วนไหนของมาตรา 112 หรือ เขาจะแก้ทั้งหมดเลย เรารอไว้ก่อน รอไว้ให้เห็นร่าง ที่เขาเสนอมาก่อน แล้วเราค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์ 

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า อยากให้พี่น้องประชาชนได้ดูตัวกฎหมายอาญามาตรา 112 บัญญัติไว้แบบนี้ว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี เนื้อหาสาระมีแค่นี้  การตรากฎหมาย ขึ้นในประเทศ เป็นไปหลักการปกครองของบ้านเมือง เดิมทีประเทศไทยของเราปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อำนาจอธิปไตย อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ เป็นของพระมหากษัตริย์ ทรงใช้พระราชอำนาจในการปกครองประเทศ เพื่อประชาชน เพื่อพัฒนาประเทศ เพื่อความอยู่ดีกินดี ของพสกนิกรทั้งหลาย แต่ว่าในปี 2475 เราได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองประเทศไทย จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ระบอบประชาธิปไตย ถือว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย แต่ว่าจะต้องใช้อำนาจนั้นกันอย่างไร ก็มีข้อที่จะต้องบัญญัติเอาไว้ในทางกฎหมายเพราะระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบการปกครอง ที่ปกครอง โดยมีตัวบทกฎหมาย เป็นหลักยึด เรียกว่า เป็นการปกครองตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศก็คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ในเรื่องนี้ เมื่อเราเปลี่ยนแปลง การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็น ระบอบประชาธิปไตยแล้ว อุดมการณ์การปกครองของประเทศไทย เรายึดถือว่า เราจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข องค์กรอื่นๆ ที่จะใช้อำนาจ ก็ต้องมีกรอบ มีกติกาเขียนเอาไว้ ทั้งหมดอยู่ในรัฐธรรมนูญ

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า เราตรากฎหมายอาญามาตรา 112 ขึ้น เพื่อปกป้องพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ผู้ใดละเมิด จริงๆแล้ว เราไม่ได้ปกป้องเฉพาะพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นพระประมุขของประเทศเรา เรามีกฎหมายอาญามาตรา 133 ปกป้องประมุขของรัฐอื่น ประเทศอื่นเช่นเดียวกัน ข้อความเหมือนกันเลย สาระในกฎหมายที่บัญญัติไว้ มีข้อความเหมือนกัน มาตรา 133 บัญญัติว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย ราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางคุกจำโทษ ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ถึง 1 แสน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พี่น้องประชาชนเห็นไหม เรามีกฎหมายอาญาปกป้องทั้ง พระประมุข ที่เป็นพระมหากษัตริย์ของเรา และเราให้เกียรติ ปกป้องประมุขของประเทศอื่น และลองนึกดูว่า ถ้าเราไม่เขียนปกป้อง ประมุขของประเทศอื่นไว้ หากมีคนไทยคนไหนเครื่องร้อนขึ้นมา ไปหมิ่นประมาท ไปดูหมิ่น หรือไปแสดงความอาฆาตมาดร้าย ประมุขประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หรือพระราชาธิบดี หรือ ประธานาธิบดี ถ้าเกิดมีคนไทยทำอย่างนั้นขึ้นมา เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ประชาชนเขาก็คงไม่ยอมว่า ทำไมคนไทยถึงไปล่วงละเมิดดูหมิ่นประมุขของประเทศเขา อันนี้ก็เรียกว่า เป็นสงครามได้ เป็นเรื่องใหญ่ได้

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า แล้วคนที่เขาตั้งใจ จะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรานี้ เขาคิดอะไร เขาต้องการทำอะไร เพื่อเป้าหมายอะไร มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ที่คนไทยจะต้องมาทะเลาะกันในเรื่องนี้ แต่ว่าที่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเมื่อก่อนมันไม่เคยมีใครคิด ที่จะไปดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ หรือ จะไปแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นคนไทย ก็เลยไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่มีใครเดือดร้อนที่กฎหมายอาญามาตรา 112 บัญญัติเอาไว้ว่า ไม่ให้หมิ่นประมาท หรือไม่ให้แสดงออกความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ เพราะไม่มีคนไทยคนไหนเขาคิดทำอย่างนั้น แล้วทุกคนก็คิดว่าที่ตรากฎหมาย แบบนี้ไม่กระทบกระเทือนชีวิตความเป็นอยู่ อนาคตของใครเลย แต่วันนี้พอจะมีคนมาติดแก้ไขก็เลยต้องไปดูว่า ทำเพื่ออะไร สำคัญครับ ผมกังวลใจลึกๆว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่นำไปสู่ ข้อขัดแย้งของคนในประเทศ วันนี้มี 3 ฝ่ายในประเทศ ฝ่ายหนึ่งต้องการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย แต่ ฝ่ายที่สามไม่รู้จะคิดอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาคิดจะแก้ไข หรือ เรื่องที่เขาไม่ต้องการจะแก้ไข เนื้อหาสาระเป็นอย่างไร ผมถึงได้มาชวนพี่น้องประชาชนพูดคุยกันว่า เราต้องให้ความสนใจกัน ในฐานะที่เราเป็นคนไทย เราเป็นเจ้าของประเทศนี้ สิ่งที่มีคนคิด สิ่งที่มีคนต้องการกระทำ และ มีคนไม่เห็นด้วย จะมีผลกระทบต่อชีวิตของคนไทยทั้งหมด จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยของเราโดยรวม เพราะฉะนั้นในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย วันนี้ไม่สนใจไม่ได้แล้ว จึงชวนพี่น้องมาช่วยกันติดตามศึกษา และเราต้องร่วมกันตัดสินใจ พี่น้องประชาชนคนไทยได้ใช้อำนาจอธิปไตยในทางนิติบัญญัติ โดยเลือกส.ส. เลือกวุฒิสมาชิกเข้าไปทำหน้าที่ในทางนิติบัญญัติ ในทางออกกฎหมายแก้กฎหมายแทนพวกเรา เมื่อกฎหมายนั้นจะต้องมีผลต่อประเทศโดยรวม เราจึงจำเป็นต้องสนใจ จะได้รู้ว่าตัวแทนที่เราเลือกไป ไปทำงานอย่างเราต้องการ หรือตรงกับใจเราหรือเปล่า วันนี้จึงได้มาคุยกันในเรื่องเนื้อหาสาระที่มาที่ไปของกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อจะได้ติดตามสถานการณ์ได้ทันและเมื่อต้องแสดงความเห็นเมื่อถึงวันนั้นจะได้แสดงความคิดเห็นได้ถูกต้อง

"ผมสารภาพเลยว่าผมยืนอยู่ข้างฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะเห็นว่าที่บัญญัติไว้แค่นี้ เหมาะสมถูกต้องแล้ว สำหรับประเทศไทยของเรา อยากเอาความคิดตรงนี้ มาจุดประกายความคิดในใจของพี่น้องประชาชนว่า ผมคิดถูกหรือเปล่าที่คิดอย่างนี้ พี่น้องประชาชนที่เป็นคนไทยแบบผมคิดเห็นแบบผมกันหรือเปล่า วันหลังเราจะมาคุยกันถึงเนื้อหาสาระในร่างแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112ที่พรรคการเมืองพรรคต่างเขากำลังจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา"นายสุเทพ กล่าว