ก.แรงงานจ่อหารือ 4 หน่วยงานนำเข้าแรงงานข้ามชาติ

2021-11-04 09:25:00

ก.แรงงานจ่อหารือ 4 หน่วยงานนำเข้าแรงงานข้ามชาติ

Advertisement

กระทรวงแรงงานเตรียมหารือ 4 หน่วยงาน หลัง ศปก.ศบค. เห็นชอบนำเข้าแรงงานข้ามชาติตามเอ็มโอยูแก้ปัญหาลักลอบเข้าเมืองผิด ก.ม.

จากกรณีเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ประชุม ศปก.ศบค. เห็นชอบแนวทางการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานตามเอ็มโอยูในสถานการณ์โควิด-19 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้เร่งหารือร่วมกับ สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกระทรวงการต่างประเทศ ( กต.) 

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. นายสุชาติ ชมกลิ่น  รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล. อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยปัญหาแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าเมืองตามเส้นทางธรรมชาติและการเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย หลังพบสถานประกอบการในประเทศจำนวนมากขาดแคลนแรงงาน จึงได้มอบหมายกระทรวงแรงงาน แก้ปัญหาดังกล่าวและวางแนวทางการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยูภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งวิธีนี้จะแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างตรงจุด ส่งผลให้ปัญหาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเพื่อทำงานลดน้อยลง สำหรับแนวทางเบื้องต้นยังคงจัดกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่อนุญาตให้เข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสีเขียว ที่ฉีดวัคชีนครบ 2 เข็ม เป็นระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป จะได้พิจารณาเป็นลำดับแรก โดยต้องแสดงวัคซีนพาสปอร์ต กลุ่มสีเหลือง ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่ยังไม่ครบกำหนดระยะเวลา 1 เดือน และ กลุ่มสีแดงที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็มหรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย โดยให้นายจ้าง สถานประกอบการ รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบด้วยค่าสถานที่กักกัน ค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ค่ารักษา (กรณีคนต่างด้าวติดเชื้อ COVID-19) หากอยู่ในกิจการที่อยู่ในระบบประกันสังคม และเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 หลังครบกำหนดระยะเวลากักตัวจะได้รับวัคซีนตามสิทธิผู้ประกันตน กรณีไม่ได้เป็นผู้ประกันตนม.33 นายจ้างจะเป็นผู้จัดหาวัคซีนทางเลือกให้แก่คนต่างด้าว ซึ่งการอนุญาตให้นำเข้า จะอนุญาตตามจำนวนสถานที่รองรับในการกักตัว

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า มาตรการที่กระทรวงแรงงานดูแลแรงงาน 3 สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาว่า กระทรวงแรงงานดำเนินการปรับเปลี่ยนระเบียบ นโยบาย หรือมาตรการต่างๆ เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนนายจ้าง สถานประกอบการ ที่ขาดแคลนแรงงาน พร้อมกับควบคุมป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยเสนอครม.เพื่อมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 ให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา อยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษภายใต้สถานการณ์ โควิดระลอกใหม่ โดยให้นายจ้างที่จ้างแรงงานข้ามชาติ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการจ้างคนต่างด้าวผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทำให้แรงงาน 3 สัญชาติ กว่า 4 แสนรายได้รับอนุญาตทำงาน ต่อมาเสนอ  ครม.เพื่อมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564 ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานอยู่แล้วหรือเคยได้รับอนุญาตทำงาน แต่ไม่สามารถดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานตามขั้นตอนปกติเนื่องจากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อการทำงานได้ต่อไปถึงวันที่ 13 ก.พ. 2566 หรือ 2 ปี นับแต่วันที่การอนุญาตเดิมสิ้นสุด รวมทั้งขยายเวลาการหานายจ้างจาก 30 วัน เป็น 60 วัน ซึ่งทำให้แรงงานต่างด้าวได้รับอนุญาตทำงานกว่า 1 แสนคน ช่วยแก้ปัญหาให้นายจ้างที่ขาดแคลนแรงงาน และลดภาระค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก และล่าสุดมติครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการตรวจสถานที่ก่อสร้าง สถานประกอบการ โรงงาน และสถานที่ทำงาน เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตนตามมาตรการทางสาธารณสุขแก่นายจ้างและแรงงานต่างด้าว เป็นระยะเวลา 30 วัน เก็บตกแรงงาน 3 สัญชาติ ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะบันทึกข้อมูลนายจ้างและแรงงานต่างด้าว กำหนดวันนัดหมายให้นายจ้างมาดำเนินการยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนแรงงงานต่างด้าว ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 เพื่อเข้าสู่ระบบการจ้างงานตามกฎหมายประเทศไทย และได้รับการดูแลตามสิทธิที่พึงมี หากอยู่ในกิจการที่มีประกันสังคมมีสิทธิเป็นผู้ประกันตนตาม มาตรา33 และได้รับการคุ้มครอง และสิทธิการรักษาพยาบาลเช่นเดียวกับคนไทยที่อยู่ในระบบประกันสังคม หรือหากไม่อยู่ในกิจการที่มีประกันสังคมก็ได้รับสิทธิประกันสุขภาพตามสิทธิประกันที่มีการกำหนดให้ทำเมื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีโครงการให้ความช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวด้านอาหาร โดยกระทรวงแรงงาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่แรงงานต่างด้าวในแคมป์ก่อสร้าง และลดภาระนายจ้าง สถานประกอบการที่ถูกปิดตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ร่วมระยะเวลา 27 วัน รวมแจกข้าวกล่องถึง 1 ล้าน 3 แสนกล่อง สามารถช่วยเหลือคนต่างด้าวได้เกือบ 8 หมื่นคน

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า จากนี้จะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.)  กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)  ในเรื่องรายละเอียดขั้นตอน โดยจะหารือใน 7 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การยื่นแบบคำร้องขอนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ 2. การดำเนินการของประเทศต้นทาง 3. การยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว 4. การอนุญาตให้นำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศ 5. จุดผ่านแดน/ด่านตรวจคนเข้าเมือง 6. สถานที่กักตัว 7. การอบรมและรับใบอนุญาตทำงาน เมื่อได้แนวทางที่ชัดเจน จะเสนอต่อที่ประชุม ศบค.เพื่อเริ่มดำเนินการทันที