"วิโรจน์"ถามรัฐบาลไหนบอกจะได้รับสิทธิซื้อวัคซีนแอสตร้าฯก่อน

2021-07-15 17:33:43

"วิโรจน์"ถามรัฐบาลไหนบอกจะได้รับสิทธิซื้อวัคซีนแอสตร้าฯก่อน

Advertisement


"วิโรจน์"ทวงถามรัฐบาลไหนเคยบอกไทยจะได้รับสิทธิในการซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นอันดับแรก วัคซีนที่เหลือจึงจะนำไปส่งออกได้

เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่า  เช้าวันนี้เพิ่งได้ทราบความจริงจากนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ตามแผนที่ต้องส่งมอบให้ประชาชนคนไทยภายใน ธ.ค. 64 มีความเป็นไปได้ที่จะถูกขยายออกไปเป็นเดือน พ.ค. 65 และนายสาธิต ยังแจ้งเพิ่มเติมอีกด้วยว่าแอสตร้าเซนเนก้าจะส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลไทยในอัตรา 40% ของกำลังการผลิต ซึ่งก็คือ ราวๆ 6 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งก็ไม่เป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส ตามที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นเอาไว้กับประชาชน นอกจากนี้นายสาธิตยังกล่าวยังกล่าวอีกด้วยว่า ในสัญญาไม่ได้กำหนดระยะเวลาการส่งมอบ แต่อย่างไรก็ตาม โดยหลักการแล้วแม้ว่าจะไม่มีการกำหนดระยะเวลาการส่งมอบเอาไว้ในสัญญา แต่ก็ต้องระบุถึงแผนประมาณการการส่งมอบ ซึ่งไม่มีไม่ได้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลนำเอาแผนประมาณการการส่งมอบนั้น มาชี้แจงให้กับประชาชนคนไทยทราบ

นายวิโรจน์ กล่าวว่า คำถามที่ยังกึกก้องอยู่ในหัวใจของประชาชนคนไทยทุกคน ในตอนนี้ ก็คือ ทำไมพล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน จึงไม่พยายามที่จะจำกัดการส่งออกวัคซีน เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้รับ ทั้งๆ ที่นายอนุทิน เคยบอกเอาไว้ชัดว่า จะไม่มีวันที่คนไทยจะถูกตัดคิว ไม่มีวันที่จะมีคนมาแย่ง ไม่มีวันที่จะไม่ถึงมือคนไทย และจากการให้สัมภาษณ์ของ นายสาธิต ก็ไม่ได้แสดงความมั่นใจเลยว่าจะบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีน ในการจำกัดการส่งออกได้หรือไม่ และเมื่อมาตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับสัญญาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ได้รับมาจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ก็พบเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง โดยเอกสาร Letter of Intent ซึ่งเป็นหนังสือแสดงเจตจำนงก่อนการทำสัญญา รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยนายอนุทิน ได้ไปลงนามเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 63 ย้ำว่า วันที่ 12 ต.ค. 63 โดยในหัวข้อที่ 1. ข้อย่อย C. ระบุเอาไว้ชัดเจนแปลได้ใจความว่า ได้ตกลงในหลักการส่งออกวัคซีนโดยปราศจากข้อจำกัด ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการหารือกันอย่างสร้างสรรค์ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ต้องตอบประชาชนว่า ทำไมถึงไปแสดงเจตจำนงในการทำสัญญาอย่างนั้น ไปตกลงในหลักการส่งออกโดยปราศจากข้อจำกัดได้อย่างไร แล้วเงื่อนไขการอุดหนุนวงเงิน 600 ล้านบาทให้กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัดจะได้รับสิทธิในการซื้อวัคซีนเป็นอันดับแรกตามความต้องการ ที่เหลือจึงนำไปส่งออก เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 63 นั้นไม่มีความหมายเลยหรืออย่างไร และเมื่อรู้ทั้งรู้อย่างนี้แล้ว ยังกล้าลงนามในสัญญาทุนอุดหนุนให้กับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 63 ได้อย่างไร

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ประโยคที่ระบุว่า “รัฐบาลไทยสามารถจำกัดสิทธิการส่งออก และจะได้รับสิทธิในการซื้อวัคซีนเป็นอันดับแรก วัคซีนที่เหลือจึงจะนำไปส่งออกได้” อยู่ในสัญญาหรือไม่ และสัญญาที่ได้รับมอบมาในตอนนี้ คือ สัญญาวัคซีน 26 ล้านโดส แล้วอีก 35 ล้านโดส นั้นอยู่ในสัญญาฉบับไหน หรืออยู่ในส่วนที่ถูกถมดำตรงบรรทัดไหน และถ้าไม่มีเงื่อนไขที่ประชาชนคนไทย มีสิทธิซื้อวัคซีนได้ก่อนเป็นอันดับแรก อยู่ในสัญญา ก็ต้องถามว่า แล้วในวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา นายอนุทินไปพูดให้คำมั่นกับประชาชนว่าว่า “วัคซีนของเราจะไม่มีวันถูกตัดคิว ไม่มีวันที่จะมีคนมาแย่ง ไม่มีวันที่จะไม่ถึงมือของเรา เพราะผลิตอยู่ในบ้านของเรา” ได้อย่างไร นี่เป็นการโกหกพี่น้องประชาชนกลางสภาหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลต้องชี้แจงให้กับประชาชนรับทราบ และคำถามที่สำคัญมากๆ ก็คือ นี่เป็นการทำสัญญาที่ยอมให้เขามาผลิตวัคซีนในประเทศไทย ทั้งๆ ที่รู้แต่แรกว่าไม่สามารถจำกัดการส่งออกได้ใช่หรือไม่ นี่คือ คำถาม และข้อสงสัย ที่รอการยืนยันข้อเท็จจริงจากรัฐบาล