รพ.สนามธรรมศาสตร์โกลาหล บุคลากรติดโควิด ผู้ป่วยล้น

2021-07-11 12:38:46

รพ.สนามธรรมศาสตร์โกลาหล บุคลากรติดโควิด ผู้ป่วยล้น

Advertisement

รพ.สนามธรรมศาสตร์โกลาหล บุคลากรติดโควิด-19 กักตัวนับร้อย ผู้ป่วยล้น รพ. เหนื่อยล้า เครียด วิตกกังวล  เห็นผู้ป่วยบาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ภายใต้การบัญชาการรบที่ขาดยุทธวิธี นโยบายที่เป็นเอกภาพ ต้องรบอย่างอิสระไปตามสถานการณ์ ตามทรัพยากร ตามกำลังที่มี ลั่นสู้จนสุดกำลังความสามารถ ถ้าเอาชนะไม่ได้กรุณาให้อภัยพวกเราด้วย

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. เพจ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความระบุว่า เสาร์ที่ 10 ก.ค.วันที่ผู้ป่วยใหม่สูงสุด 9,326 คน และมีผู้เสียชีวิตสูงสุด 91 คนนับตั้งแต่มีการระบาดของโควิดในประเทศ สถานการณ์ที่ธรรมศาสตร์วันนี้ก็ โกลาหลไม่แพ้สถานการณ์ของประเทศเพราะเช้านี้เราพบว่ามีอาจารย์ GI เภสัชกรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังของเรา มีผลตรวจเป็นบวก 3 คน กับมีผู้ป่วยที่พักรักษาตัวมาหลายวันแล้วใน ward Ortho และใน ward CVTก็มีผล swab เป็นบวกด้วย

มาตรการป้องกันที่ตามมาคือการเก็บตัวบุคลากรที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงทำงานใกล้ชิดทั้งวอร์ดเข้ารับการ swab และกักตัว 7 วันในทุกหน่วยงานเกือบ 100 คนที่เข้าคิวรอรับการตรวจในวันนี้จึงเป็นบุคลากรของโรงพยาบาลเกือบทั้งหมดสัปดาห์หน้าจะเป็นสัปดาห์ที่ยากลำบากต่อกันไปอีกสัปดาห์หนึ่ง เพราะแม้พวกเราอาจจะได้กำลังจากหมอโรคทางเดินหายใจที่กลับมาทำงานได้บ้าง แต่ก็จะมีแพทย์และบุคลากรอีกหลายกลุ่มต้องออกไปกักตัวตามมาตรการความปลอดภัยและป้องกันการติดเชื้อของโรงพยาบาลด้วย

เมื่อวาน ผู้ป่วยโควิดที่ล้นโรงพยาบาลและรอคิวอยู่หลายสิบคนมาหลายวันแล้วทำให้วอร์ด Cohort #2 ที่เพิ่งเปิดเมื่อวานนี้เองต้องรับผู้ป่วยใหม่เข้าไปทันที 8 เคสในวันแรก และคงจะเต็ม 16 เตียงในเสาร์อาทิตย์นี้เลย  เร็วกว่าที่ประเมินไว้ว่าวอร์ดจะเต็มในสี่ห้าวันอีกนะ 


จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และการติดเชื้อต่อเนื่องในโรงพยาบาลทำให้มาตรการคัดกรองผู้ป่วยทุกประเภทต้องเข้มงวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ป่วยทุกรายที่ส่งตัวจากภายนอกมาที่ห้องฉุกเฉิน ER จะถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะ เป็นผู้ป่วยบวก และจะต้องใช้มาตรการป้องกันอย่างเต็มที่สำหรับบุคลากรทุกคน ทั้ง N 95 faceshield และ PPE อีกทั้งเรายังต้องการมี negative pressure room เพื่อรอผลตรวจเชื้อโควิดของผู้ป่วยฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นอีกสักสองสามเท่าเพื่อรอผลการตรวจเชื้อก่อนทำหัตถการต่างๆ ต้องการบุคลากรดูแลคัดกรองผู้ป่วยมากขึ้นแม้ในสถานการณ์วิกฤติที่มีผลต่อชีวิตของผู้ป่วย สภาพการณ์เช่นนี้ทำให้ต้องมีขั้นตอนและภาระงานเพิ่มมากขึ้น และการให้ความช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยทำได้ช้าลงกว่าเดิม โดยที่บุคลากรที่มีจำกัดอยู่แล้ว ต้องทำงานมากขั้นตอนขึ้น เหนื่อยและเครียดตลอดเวลากับการที่จะต้องคอยรับคนไข้วิกฤติที่ต้องช่วยชีวิตเร่งด่วน ตลอดทั้ง 24 ชม. ที่อาจจะเป็นผู้ติดเชื้อ และอาจทำให้บุคลากรได้รับเชื้อ และจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยอื่นๆได้อีกต่อไป

ตัวอย่างของงานในห้องฉุกเฉินที่มีตลอด 24 ชม.เช่นนี้ เป็นสถานการณ์ที่สะท้อนภาพความเหนื่อยยาก ความเครียด ความวิตกกังวลและความเหนื่อยล้าอิดโรยของผู้ปฏิบัติงานที่เป็นอยู่ในโรงพยาบาลทุกๆแห่งของประเทศในเวลานี้ และเป็นต่อเนื่องกันมาหลายเดือนติดต่อกันแล้ว แต่ที่ยังยืนหยัดต่อสู้กันอยู่จนถึงวันนี้ได้ คงเป็นเพราะปณิธาน ความรักในวิชาชีพและจรรยาบรรณของแพทย์พยาบาลที่คิดถึงประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง และการที่พวกเราตระหนักถึงความคาดหวังของผู้คนในสังคมไทยต่อวิชาชีพของพวกเราในสถานการณ์วิกฤติร้ายแรงนี้นั่นเอง

ที่ศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์ที่ยิม 4 วันนี้เป็นวันที่ 33 ที่เราให้บริการต่อเนื่องมาโดยไม่มีวันหยุด มีผู้มารับวัคซีนที่รอคอยไปได้อีก 1549 คนเราจะให้วัคซีนแก่ทั้งผู้ที่จองคิวไว้ใน #หมอพร้อม และที่จองกับศูนย์คอลเซ็นเตอรของ รพธ. ในช่วงเดือน พ.ค. และจะทะยอยเรียกคิวผู้ที่มาจองไว้ด้วยตัวเองที่ยิม4 ในเดือน มิ.ย.  เข้ามาในระบบเป็นช่วงๆตามจำนวนวัคซีนที่บริหารจัดการได้ และขณะนี้ เราได้ประกาศจะฉีดวัคซีน Astra ต่อเนื่องไปจนถึง 15 ก.ค.เป็นอย่างน้อยแล้ว โปรดตรวจสอบวันที่และการจองของท่านที่ได้รับการยืนยันได้ในแอพหมอพร้อม และอย่าลืมมาพบพวกเราตามนัดที่ยิม4 นะ ที่นี่ เรายังไม่เคยเทใครเลยนะ อดทนรออีกนิดนะ ถ้ายังไม่ถึงคิว

ที่โรงพยาบาลสนามวันนี้เป็นวันที่ 91 งานยังหนักเหมือนเดิมแม้ว่าเราจะส่งผู้ป่วยที่หายแล้วกลับบ้านได้ถึง 31คนแต่ก็รับผู้ป่วยใหม่เข้ามาอีก 29 คน ทำให้ตัวเลขรวมเหลืออยู่ 334 คน ตัวเลขผู้ป่วยอาจจะดูไม่เพิ่มขึ้น แต่การเปลี่ยนสถานะผู้ป่วยจากสีเขียวเป็นสีเหลืองมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ภาระงานและความยุ่งยากเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายเลยทีเดียว ในขณะที่กำลังคนยังมีเท่าๆกับเมื่อตอนที่ยังไม่มีผู้ป่วยสีเหลืองสี่สิบกว่ารายนี้

แต่เราก็รู้ว่า ทุกที่ ทุกแห่งก็หนัก และพวกเราในระบบสาธารณสุข กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นการรบประชิดตัวในสงครามที่มองไม่เห็นตัวข้าศึก เห็นแต่ผู้ป่วยที่บาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วง  ภายใต้การบัญชาการรบที่ขาดยุทธวิธี ขาดการกำหนดทิศทางหรือนโยบายที่เป็นเอกภาพ พวกเราทุกคนในทุกแห่งจึงต้องรบอย่างอิสระไปตามสถานการณ์ ตามทรัพยากรและตามกำลังที่มี เพื่อจะช่วยกันปกป้องประเทศและปกป้องผู้คนของเราเอาไว้ให้ดีที่สุด เท่าที่จะมีกำลังทำได้ และเพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขของเราเอาไว้ให้รอดไปให้ได้ในสัปดาห์วิกฤตที่กำลังจะมาถึงนี้

เราจะสู้ จนสุดกำลังความสามารถที่พวกเรามีอยู่ และถ้าพวกเราจะเอาชนะไม่ได้ ก็กรุณาให้อภัยพวกเราด้วยนะ 




ขอบคุณเพจ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์