“ดิ๊บ บอยสเก๊าท์” ควงภรรยาอายุห่าง 18 ปี เคลียร์ใจ! หวิดเลิก! จนต้องจูงมือกันเข้าศรีธัญญา?

2021-07-09 13:25:58

“ดิ๊บ บอยสเก๊าท์” ควงภรรยาอายุห่าง 18 ปี เคลียร์ใจ! หวิดเลิก! จนต้องจูงมือกันเข้าศรีธัญญา?

Advertisement

“ดิ๊บ บอยสเก๊าท์” ควงภรรยาอายุห่าง 18 ปี เคลียร์ใจ! หวิดเลิก! จนต้องจูงมือกันเข้าศรีธัญญา?



ซุปตาร์ ยุค90 อย่าง "ดิ๊บ บอยสเก๊าท์" ที่วันนี้ควงศรีภรรยาอายุห่างกว่า 18 ปี เคลียร์ใจถูกเข้าใจผิดคิดว่าดิ๊บเป็นเกย์ แล้วทำไมคบกันแค่ 1 เดือนแต่งงานเลย พร้อมเผยครั้งแรกร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมากว่า 8 ปี แต่เมื่อต้นปี 64 เกือบต้องแยกทางกัน ถอดแหวนแต่งงาน เก็บข้าวของเตรียมเลิก แล้วอะไรทำให้ต้องจูงมือกันเข้าโรงพยาบาลศรีธัญญา โดยทั้งหมดนี้ทั้งคู่จะมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow 




เห็นว่ากว่าจะได้ลูกมาจีบแม่ 1 เดือนแต่งงานเลย ?
ดิ๊บ : ใช่ครับ เราน่าจะมีเคมีที่ตรงกัน เป็นนักร้องเหมือนกัน เห็นแล้วรู้สึกใช่เลยในทันที



โดนัท : ตอนแรกเจอกับพี่ดิ๊บไม่รู้ว่าคือใคร เพราะว่าเกิดไม่ทัน ก็เจอกันครั้งแรกคิดว่าเขาเป็นเกย์ สมัยก่อนเขาแต่งตัวไม่ใช่ลุคแบบนี้ เขาจะเป็นอารมณ์แบบเสื้อยืดฟิตๆ กางเกงขาสั้นแบบเลยเข่า ที่สำคัญกระเป๋ากลังเขาจะปักรูปเพชรเป็นผีเสื้อ แล้วเดินตูดบิดๆ เราก็คิดว่าคนนี้เป็นเกย์แน่นอน ยิ่งไปดูไทม์ไลน์ถ่ายรูปกับดาราเยอะมาก เราก็งงสงสัยเป็นช่างแต่งหน้าหรือเปล่า

แล้วเรามารู้เมื่อไหร่ว่าเขาคือ ดิ๊บ บอยสเก๊าท์ ?
โดนัท : รู้ตอนที่เขาพูดว่า รู้จักไหมว่าเขาคือใคร

ดิ๊บ : เขาใช้คำพูดผิด บอกว่าพอจะจำได้ไหม



พอรู้แล้วรู้สึกยังไง ?
โดนัท : เฉยๆ แต่ตอนแรกคิดว่าเขาน่าจะมาหลอก เพราะว่าเราเหมือนมีอคติกับคนมีชื่อเสียง แล้วเขาจะมายุ่งกับเราทำไม คิดว่าเขากะมาจีบแล้วก็ไป



แล้วอะไรที่ทำให้ตกลงรักกัน ?
ดิ๊บ : ตอนแต่งงานกับเขา เขาอายุเพิ่งจะ 20 เอง



แสดงว่าพี่ดิ๊บจีบเราหนักมาก ?
ดิ๊บ : เฉยๆ ธรรมดา แต่ว่าที่ตกลงยอมแต่งงาน เพราะเขาหลอกไปต่างจังหวัด แล้วเขาไปขอแต่งงานกลางรายการ แล้วเราปฏิเสธไม่ได้ เพราะออนแอร์อยู่ แต่ถามว่าถ้ารายการไม่ออนแอร์อยู่เราก็น่าจะเซเยสเพราะเขาขอแบบเซอร์ไพรส์ เราไม่อยากห้กหน้าเขา

ตอนนั้นประทับใจไหม ?
ดิ๊บ : บอกเขาไปก็ได้ว่าชอบ

โดนัท : ตอนแรกก็ชอบ แต่ยังไม่ได้รักอะไรมาก ถ้ารักจริงๆ จังๆ ก็น่าจะเป็นช่วงแพ้ท้องหนักๆ



ตอนนี้ก็คบกันมา 8 ปีแล้ว ?
ดิ๊บ : จริงๆ ผมไม่รู้เรื่องอายุด้วยนะ เขาเด็กเอง ผมไม่ผิด



อายุห่างกันเท่าไหร่ ?
ดิ๊บ : 18 ปีครับ

มันมีปัญหาเรื่องช่องว่างของอายุไหม ?
ดิ๊บ : มีเยอะเลยครับ คือถ้าเราเป็นผู้ใหญ่เราก็มีแพลนในชีวิตเยอะแยะ ความคาดหวังสูง พอเรามีความคาดหวังสูง มันก็จะมาพร้อมกับการตัดสินคนด้วยประสบการณ์ของตัวเอง เพราะฉะนั้นช่วงนี้มันก็จะต่างกัน

โดนัท : ตอนนั้นอารมณ์แบบวัยรุ่น ก็จะมีเอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็คิดว่าอยากออกไปผจญโลก อยากออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อนบ้าง เพราะว่าวัยรุ่นอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง อยากไปเรียนต่อเมืองนอก อยากไปทำงานต่างประเทศ

ทำใจและปรับตัวยังไง ?
โดนัท : ตั้งแต่คบกันมา หวิดจะเลิกกันตลอดเลย



ทีมงานเล่าให้ฟังว่าทะเลาะกันบ่อยมาก ?
โดนัท : เพราะว่ามันเป็นที่ช่วงวัยด้วย แล้วโดนัทเป็นคนใจร้อน แล้วพี่ดิ๊บเป็นคนที่แบบทะเลาะแล้วกวนตีน เขาชอบเงียบแล้วทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเขาก็เดินหนี

ดิ๊บ : ความรู้สึกเรายิ่งอยู่ตรงนั้นทันยิ่งทะเลาะ มันยิ่งรุนแรงขึ้น เราก็เลยเหมือนทำใจให้มันเย็นลง แล้วก็ออกไปก่อน แล้ววันหลังเราค่อยมาคุยกันได้ไหม

โดนัท : เหมือนมันแต่งงานกันเร็วไปด้วย เพราะยังไม่ได้ศึกษากันว่านิสัยของแต่ละคนเป็นยังไง

ดิ๊บ : ถ้าศึกษากันเยอะก็ไม่ได้แต่งหรอก แต่ตอนนี้หลังจากที่เราเข้าไปรักษาแล้ว เราไม่ได้รักษาแบบกินยาอะไรนะ ต้องขอบคุณนักจิตวิทยาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ที่งามวงศ์วาน ด้วย เขาให้คำแนะนำเราแบบดีมาก จริงๆ เราไปเกือบทุกปีเลย

เริ่มไปปีไหน ?
ดิ๊บ : เริ่มไปตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ตอนแต่งงานทะเลาะกันมากจะเอานู่น เอานี่

โดนัท : คือช่วงอายุของการคบกัน มันก็จะมีปัญหาหลายๆ อย่างเข้ามาตลอดเลย ซึ่งถ้าเป็นแบบคู่อื่นเขาอาจจะไม่รู้ว่ามีการปรึกษา ให้การแนะนำโดยนักจิตวิทยา ช่วงแรกก็ปิดใจ พอพี่ดิ๊บมาพูดกับเราว่า ยังรักกันอยู่ไหม เราก็บอกว่ารัก งั้นก็มาหาทางออกแล้วกัน เราก็เลยจูงมือกันเข้าไปปรึกษาคนกลาง เพราะว่าถ้าให้เราปรึกษาเพื่อนพี่ดิ๊บ หรือให้พี่ดิ๊บมาปรึกษาเพื่อนเรามันก็จะไม่ใช่คนกลาง

ดิ๊บ : ถ้าปรึกษาญาติผู้ใหญ่มันก็จะเลยเถิด

โดนัท : ใช่ เพราะฉะนั้นเราเลยเปิดใจ ช่วงแรกๆ มันเป็นทุกคนว่าแอนตี้ไม่อยากเอาเรื่องในบ้านไปเล่าให้คนข้างนอกฟัง



คนนอกคือคนของโรงพยาบาลศรีธัญญา คุณไปปรึกษาไม่กลัวคนอื่นคิดว่าเป็นบ้าเหรอ ?
ดิ๊บ : ไม่ครับ มันจะเป็นแผนกปรึกษาปัญหาครอบครัว และสำคัญที่สุดคือไม่เสียเงิน

มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงต้องเข้าไปรับคำปรึกษา ?
ดิ๊บ : ไม่ ที่เราไป เราไม่ได้เห็นแค่เป็นสามี-ภรรยา ผมเห็นแบบคุณอา มากับลูก คุณแม่มากับลูก คุณพ่อมากับลูก บางทีคนเราเขาเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ไม่ใช่คู่ชีวิต ความสัมพันธ์ในครอบครัวบางทีมันไม่ตรงกัน บางทีเราต้องหาคนที่เข้ามาช่วยพูด ช่วยเจรจา เหมือนเป็นกระจกสะท้อนแต่ละฝ่าย

เห็นว่าบอกเลิกกันบ่อยมาก ?
โดนัท : ใช่

ดิ๊บ : ผมไม่ได้บอก เขาเลิกผมเลยนะ เลิกอยู่คนเดียวเลย เดี๋ยวนู่นก็เลิก เดี๋ยวนี่ก็ถอดแหวน แล้ววางไว้ตัวหายไปไหนก็ไม่รู้

ที่ต้องปรึกษานักจิตวิทยา เพราะว่ามันถึงจุดอิ่มตัวของชีวิตคู่หรือเปล่า ?
โดนัท : ใช่ ล่าสุดที่เราไปมาช่วงมกราคมก็คือทะเลาะกันหนักมากๆ แล้วเราตัดสินใจแล้วว่าเราเลิกแน่นอน เพราะว่าเราไม่ไหวแล้ว มันเหมือนกับว่าเราไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรง ไม่ได้ใช้ความรุนแรงอะไรเลย แต่พอมันถึงจุดที่เรามีลูก แล้วชีวิตสามี-ภรรยา มันต้องถูกแชร์ให้กับอีกคน มันเลยทำให้เหมือนกับอิ่มตัว แล้วเราก็เหมือนเบื่อซึ่งกันและกันด้วย เริ่มอยากไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง ก็ทะเลาะกัน ถอดแหวนเก็บ แล้วไปหาคุณหมอ คุณหมอเขาพูดมาคำนึงว่าสุดท้ายแล้วตัดสินใจเอาเองว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน แต่ถ้าคิดว่ายังรักกันอยู่ก็มาหาทางออกซึ่งกันและกันดีกว่า



แล้วได้เจอทางออกไหม ?
โดนัท : เจอนะคะ เขาก็มีสติมากขึ้นจากการได้ยินนักจิตวิทยาพูดให้ฟัง เราก็มีสติมากขึ้น มองเห็นว่าตัวเราไม่ได้ถูกไปซะทุกเรื่อง ตัวเขาเองก็ไม่ได้ถูกไปซะทุกเรื่อง ถ้าเรายอมลดคนละครึ่งแล้วมาเจอกันตรงกลาง มันก็จะทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวไปต่อ และที่สำคัญเลยคือลูกด้วย เวลาเราทะเลาะกันหรือเขาเห็นเราซึมๆ เขาก็จะเดินมาถามแล้วแม่เป็นอะไร ปะป๋าทำอะไรแม่แม่เหรอ ถ้าป๋าทำเดี๋ยวฟาไปจัดการให้

เห็นว่าระหว่างที่ปรึกษามีทะเลาะกันต่อหน้านักจิตวิทยาด้วย ?
โดนัท : มีตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรง เราแค่เถียงกัน เหมือนแบบไม่ยอมรับความจริงไง จนคุณหมอให้แยกคุย ปรึกษาทีนึง 3 ชั่วโมง แล้วคุณหมอไม่เคยบ่นอะไรเลย แล้วฝากการบ้านให้ไปทำตลอด

แล้วทำไมน้องถึงชื่อฟาฟา ?
โดนัท : ตอนแรกจะให้ชื่อ น้องกุญแจฟาดีไหม พอดีไปสะดุดหนังเรื่องพรจากฟ้า แล้วนางเอกชื่อฟา แล้วอีกอย่าง แม่เป็นนักร้อง พ่อก็เป็นนักร้อง เราก็เลยให้ชื่อน้องฟา แต่สมัยนี้สักสองพยางค์แล้วกัน เป็น ฟาฟา ไม่เหมือนใคร

แต่พี่ดิ๊บกลัวมากไม่กล้ามีลูก เพราะอะไร ?
ดิ๊บ : คือบางทีเราอยากจะไปในสิ่งที่เราทำบ้าง ไปเที่ยวไปอะไรอย่างนี้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีภาระรับผิดชอบ



แต่ภรรยาเขาเมาท์ว่าไม่อยากมีลูก เพราะกลัวอยู่ไม่ถึงลูกรับปริญญา ?
ดิ๊บ : ถึงดิ ไม่ถึงได้ยังไง

แสดงว่าคนนี้โดนัทอยากมี ?
โดนัท : ตอนแรกอยากมี แต่พอมีจริงๆ แล้วไม่กล้ามีอีกเลย

ใช้เวลา 4 ปีในการผลิตน้องฟาฟา ?
ดิ๊บ : มันทรมานมาก

โดนัท : มันไม่ได้มีกันง่ายๆ

ดิ๊บ : ทริกมันเยอะมากเพราะว่าถ้าคุณคิดจะมีลูกสาว ช่องคลอดจะต้องเป็นด่าง

โดนัท : ต้องยกขาสูง ยกขาลอย แล้วต้องนับวันที่ไข่ตกด้วย



ทำให้เป็นด่างคืออะไร ?
โดนัท : อาจจะใช้น้ำส้มสายชูล้างก่อน แต่เรายังไม่เคยล้างนะ เราแค่ศึกษา

ดิ๊บ : อันนี้เรื่องจริง

โดนัท : แล้วพอท้องปุ๊บ แพ้ท้องหนักมาก จะฆ่าตัวตายตลอดเวลา อยู่คนเดียวไม่ได้

ดิ๊บ : เขาคลานไปกับพื้นเลยครับ

โดนัท : เหมือนผีเข้า ช่วงเดือน สองเดือน

ดิ๊บ : อันนั้นกินยาจริงๆ เข้าโรงพยาบาลจนคุณหมอบอกว่าต้องพอแล้วนะ เพราะมันสุดแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะมีผลกับเด็กแล้ว เหมือนจะ 4 เดือนแล้วอะไรอย่างนี้

โดนัท : แล้วเราอยากทำแท้งตลอดเวลา เพราะว่าไม่อยากมีแล้ว เราทรมานกับร่างกาย แล้วอีกอย่างตอนนั้นเราเด็กด้วย

เห็นบอกว่าตอนที่ท้องใหม่ๆ ดิลกับภรรยาห้ามสปอยล์ลูก ห้ามตามใจลูกเด็ดขาด แล้วสุดท้ายตอนลูกเกิดมาภรรยาสปอยลูกขนาดไหน ?
ดิ๊บ : ของเล่นมีทุกอย่าง



แต่เห็นบอกแพ้พี่ ?
ดิ๊บ : เวลาเขาจะมาขอของเล่น เขาจะบอกว่าชอบอันนี้จังเลย เขาก็เปิดแอพเอามาให้ดู เราก็จัดการซื้อเลย

โดนัท : แต่ถ้าไปเดินห้างเราจะไม่ซื้อให้เลย

ดิ๊บ : เราให้เขารู้จักกับความผิดหวังบ้าง

คลิปสัมภาษณ์ ดิ๊บ บอยสเก๊าท์