อธิบดีกรมราชทัณฑ์เผยผู้ต้องขังติดโควิด-19 อีก 784 ราย
เมื่อที่ 14 มิ.ย.นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 13 มิ.ย. 2564 เวลา 16.00 น.) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 784 ราย รักษาหายเพิ่ม 908 รายทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,798 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตในวันนี้ ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดในวันนี้ พบว่ามีเรือนจำ/ทัณฑสถานที่เป็นเรือนจำสีขาวไม่พบการแพร่ระบาดคงที่ จำนวน 129 แห่ง และพบการแพร่ระบาด 12 แห่งคงเดิม โดยมีจำนวน 2 แห่งที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อลดสถานะจากเรือนจำสีแดงเป็นเรือนจำสีขาว เนื่องจากไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน คือเรือนจำจังหวัดนนทบุรี และทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง แต่ยังต้องรอประเมินสถานการณ์จนครบ 28 วันที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ก่อน จึงจะปรับเป็นเรือนจำปกติได้ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนมิถุนายน 2564 นี้ รวมถึงเรือนจำกลางเชียงใหม่ และทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ที่มีการคัดแยกพื้นที่สีขาวและพื้นที่แพร่ระบาดออกจากกันชัดเจน รวมถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพหานคร และเรือนจำพิเศษธนบุรี ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดสถานะได้ในระยะต่อไป
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์การต่างๆ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่รักษาหายรายวัน ที่มีมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์มีจำนวนลดลง และต่ำกว่า 8,000 รายต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยวันนี้ (14 มิ.ย. 2564) มีจำนวนผู้หายป่วยสะสมอยู่ที่ 24,525 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด และคาดว่าจะมีอัตราผู้ที่หายป่วยเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก จากจำนวนผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ที่มีมากกว่าร้อยละ 90 ของผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ระหว่างการรักษาทั้งหมด รวมถึงแนวโน้มของจำนวนผู้ป่วยกลุ่มสีแดงและสีเหลืองที่ลดลง ภายใต้การรักษาของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งมีความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี มีอุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการรักษา และระบบการส่งต่อการรักษาที่เป็นระบบ ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตจากการป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของผู้ต้องขังมีเพียงร้อยละ 0.09 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม แม้ทุกฝ่ายจะพยายามรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังเกิดความสูญเสียขึ้น ในนามกรมราชทัณฑ์ จึงขอแสดงความเสียใจต่อทุกความสูญเสียที่เกิดขึ้น มา ณ โอกาสนี้
นายอายุตม์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าสถานการณ์จะยังไม่เป็นปกติ และยังมีเรือนจำที่พบการแพร่ระบาดอยู่บ้าง แต่นับได้ว่ามีแนวโน้มของการสถานการณ์ที่ดีขึ้น ทำให้การบริหารจัดการด้านเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ เริ่มเป็นระบบและเพียงพอต่อความต้องการ ทั้งจากการเบิกจ่ายตามงบประมาณ และการบริจาคของหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกๆ ความช่วยเหลือมาอีกครั้ง โดยสิ่งของที่กรมราชทัณฑ์ได้รับมา ได้ดำเนินการจัดสรรไปยังเรือนจำ/ทัณฑสถานต่างๆ ไปแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดสรรเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้งานมากที่สุด