“สัณหพจน์” จ่อฟ้องขบวนการดิสเครดิตรับซื้อ “พริกเขียว”

2021-06-12 14:15:08

“สัณหพจน์” จ่อฟ้องขบวนการดิสเครดิตรับซื้อ “พริกเขียว”

Advertisement

“สัณหพจน์” จ่อฟ้องขบวนการดิสเครดิตรับซื้อ “พริกเขียว”ปล่อยข่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง 

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) เปิดเผยว่า จากกรณที่มีการนำเสนอข่าวทางออนไลน์ ว่าตัวแทนพรรคการเมืองและกลุ่มเกษตรกรเข้าร้องเรียน ผวจ.นครศรีธรรมราช และเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตน เนื่องจากรับซื้อพริกเขียว จากเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง โดยเฉพาะพื้นที่อ.หัวไทร แล้วไม่ยอมจ่ายเงินค่าพริกเขียวที่รับซื้อเป็นจำนวนเงิน 2ล้านบาทนั้น ทั้งนี้การนำเสนอข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยเรื่องนี้มีการทำงานกันเป็นขบวนการเพื่อหวังที่จะทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงและสร้างความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ โดยขณะนี้ตนได้มอบหมายให้ทนายความฟ้องดำเนินคดี ในความผิดตามมาตรา 14 นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา

นายสัณหพจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเกษตรกรมีความเดือดร้อนจากการขายผลผลิตพริก ซึ่งมีราคาตกต่ำไปถึง 6 บาท/กก. ดังนั้นตนในฐานะผู้แทนประชาชนในพื้นที่ จึงได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเป็นผู้ประสาน องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร อ.ต.ก.และให้ผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้ส่งออกพริกเขียวได้เข้ามารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง ณ.จุดรับซื้อ 4 จุด คือ 1. สหกรณ์การเกษตรหัวไทร จำกัด 2. หอประชุม ม.4 ต.แหลม อ.หัวไทร 3. อบต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ 4. ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน นายธีระเดช แป้นจันทร์ ม.7 ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จนราคาปรับสูงขึ้นถึง 20 บาท/กก. ทำให้ตัดวงจรพ่อค้าคนกลางโดยเฉพาะกลุ่มที่กดราคารับซื้อออกไปได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้ประสานช่วยเหลือเกษตรกรที่ขอให้ผู้รับซื้อช่วยซื้อพริกต่อไป หลังจากผู้ซื้อจะหยุดรับซื้อในวันที่ 9 พ.ค.64 เป็นต้นมา จนกว่าจะแก้ปัญหาพริกไม่ได้คุณภาพได้ เนื่องจากพบว่าบางรายซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลางไม่ใช่เกษตรกรตัวจริง ได้นำพริกไม่มีคุณภาพมาสวมรอยขายเกือบ 30 ตัน ในวันที่ 8 พ.ค.64 จากจำนวนรับซื้อจากเกษตรกรทั้งหมด 43 ตัน จากการประสานงานช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่จำนวน 563 ราย นำพริกมาจำหน่ายผลผลิตรวม 223 ตัน รวมเป็นมูลค่าทั้งหมด 3.1 ล้านบาท โดยใช้เวลาดำเนินการระหว่างวันที่ 8-20 พ.ค.64 โดยที่ผ่านมาทราบว่ามีการจ่ายเงินรับซื้อผลผลิตล่าช้าในเกษตรกรบางราย และตนได้ติดตามการดำเนินการมาโดยตลอดจนกระทั่ง มีการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่ไม่ใช่กลุ่มซึ่งแอบนำพริกไม่มีคุณภาพมาปะปนและนำมาขายมาจนครบทุกราย อย่างไรก็ตามข่าวที่นำเสนอไปนั้น ได้นำเอาข้อมูลจากกลุ่มบุคคลซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่มีรายละเอียดข้อมูลและข้อเท็จจริงจากเกษตรกรส่วนใหญ่มานำเสนออย่างครบถ้วน