ผู้ช่วย ผญบ.แจ้งความลูกสาวไปทำงานมาเลย์หายตัวปริศนา (มีคลิป)

2021-06-05 17:45:18

ผู้ช่วย ผญบ.แจ้งความลูกสาวไปทำงานมาเลย์หายตัวปริศนา (มีคลิป)

Advertisement

ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านใน จ.กาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.โนนสูง ช่วยติดตามหาลูกสาววัย 27 ปี ไปทำงานประเทศมาเลเซีย แต่โดนตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุม  ได้รับการปล่อยตัว 1 เดือนแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้หายตัวปริศนา หวั่นได้รับอันตรายและตกเป็นเหยื่อขบวนค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ สภ.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายวิรัตน์ พงษ์ศิริ อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแก อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 3 ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางวงศ์เดือน พงษ์ศิริ อายุ 45 ปีภรรยา เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง ระบุลูกสาว คือ น.ส.สุวนันท์ พงษ์ศิริ อายุ 27 ปี ซึ่งได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียประมาณต้นเดือน ก.พ. 2564 ทราบว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมตัว ฐานลักลอบเข้าเมือง แต่ล่าสุดทราบว่าถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว 1 เดือน แต่ปัจจุบันได้หายตัวไปอย่างปริศนาไร้ร่องรอยและติดต่อไม่ได้ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความคนหายและขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม หาเบาะแส ทั้งนี้ พ.ต.อ.บุญเทียน พุดสีเสน ผกก.สภ.โนนสูง ได้มอบหมาย พ.ต.ท.ถวิล กุลนาฝาย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.โนนสูง รับเรื่องและให้คำปรึกษา

นายวิรัตน์  กล่าวว่า น้องน้ำ เป็นบุตรสาวของตน เดินทางไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ กทม. ประมาณ 2 ปี ทั้งนี้ น้องน้ำเป็นเสาหลักของครอบครัว ในการหารายได้ส่งเสียทางบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาในวันสำคัญหรืองานบุญประเพณี จะกลับมาเยี่ยมบ้านเป็นประจำ แต่หลังจากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงไม่ได้กลับมา แต่ก็ติดต่อกันทางโทรศัพท์เป็นระยะ ก่อนที่หลังสุดจะทราบข่าวจากเพื่อนของลูกสาวว่า น้องน้ำไปทำงานร้านอาหารในมาเลเซียถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ประเทศมาเลเซียจับกุม เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 พร้อมเพื่อนที่ไปด้วยกัน 18 คน ในฐานความผิดลักลอบเข้าเมือง

นายนิรัตน์ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวว่า กำลังจะได้รับการปล่อยตัวโดยจะมีเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลมารับ ซึ่งเป็นการติดต่อครั้งสุดท้ายกับลูกสาว ก่อนที่จะขาดการติดต่อกันตั้งแต่วันนั้น จะไปติดตามสอบถามใครก็ไม่มีใครรู้จัก แม้กระทั่งร้านอาหารที่ลูกสาวเคยไปทำงาน ก็ไม่มีใครทราบเรื่อง จนท้ายที่สุดไปแจ้งความคนหาย ที่ สภ.แห่งหนึ่งในเขตเพชรบุรีตัดใหม่ แล้วเดินทางกลับมาที่บ้าน จากนั้นไปขอปรึกษากับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ก็ให้หมายเลขติดต่อกับกระทรวงต่างประเทศ ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ตนกับภรรยารู้สึกเป็นห่วงลูกสาวและเป็นทุกข์ใจมาก จึงได้เดินทางมาแจ้งความและขอคำปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูงในครั้งนี้

ด้านนางวงศ์เดือน  กล่าวว่า ตนติดต่อกับลูกสาวครั้งสุดท้ายประมาณต้นเดือน ก.พ.2564 โดยทราบจากลูกสาวแค่ว่าไปศัลยกรรมจมูกใหม่ ไม่ได้บอกว่าจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งหากตนทราบก็จะห้ามปรามลูก ไม่ให้เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศแน่นอน เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับลูก ซึ่งเป็นผู้หญิง เหมือนคดีอื่นๆที่เคยปรากฏตามสื่อต่างๆ

นางวงศ์เดือน กล่าวอีกว่า หลังจากทราบเรื่องจากเพื่อนลูกสาว ซึ่งเป็นเพื่อนที่เคยติดต่อกันทางเฟซบุ๊กและไลน์ ว่าน้องน้ำลูกสาวเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียและถูกจับดังกล่าว ตนกับนายวิรัตน์สามี รวมทั้งญาติพี่น้องที่รู้ข่าว ต่างกินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงเดินทางไปติดตามหาเบาะแสลูกตามสถานที่ต่างๆ และเพื่อนๆหลายคน แต่ไม่มีใครรู้เรื่องเลย แม้แต่เจ้าของร้านอาหารที่ลูกน้ำเคยทำงานอยู่ ก็ไม่มีใครให้เบาะแสใดๆได้ เหมือนมืดมน หมดสิ้นหนทางที่จะติดตามหาตัวลูกสาว จึงได้เข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิกระจกเงา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น สถานกงสุล ตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ดำรงธรรม ก็ไม่มีความคืบหน้า จึงมาแจ้งความและปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เพื่อจะเริ่มต้นนับหนึ่ง ในการติดตามหาลุกสาวอีกครั้ง ซึ่งความหวังสุดท้ายก็คงจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ จึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากกระทรวงต่างประเทศ ในการติดตามหาตัวลูกสาวด้วย เพราะกลัวลูกสาวจะได้รับอันตราย หรือตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์

ขณะที่ พ.ต.ท.ถวิล กุลนาฝาย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.โนนสูง กล่าวว่า หลังจากสอบถามผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและภรรยา ที่มาขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นทราบว่านางสาวสุวนันท์หรือน้องน้ำ เดินทางไปทำงานประเทศมาเลเซียในลักษณะของการลักลอบเข้าเมือง ไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น จึงค่อนข้างจะยุ่งยากในการตรวจสอบรายชื่อในสาระบบของกรมแรงงานหรือการเดินทางระหว่างประเทศทั่วไป

พ.ต.ท.ถวิล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับทราบจุดประสงค์ของ 2 สามีภรรยาที่มาขอคำปรึกษาและให้ช่วยติดตามตัวลูกสาวดังกล่าว เบื้องต้นก็ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานกงสุลและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสืบเสาะหารายชื่อแรงงานที่ลักลอบเข้าเมือง และถูกจับในวันและสถานที่ดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อที่จะจับต้นชนปลาย และติดตามหาตัวบุคคลที่สูญหายนั้น ว่าถูกจับหรือถูกปล่อยตัวจริงหรือไม่ เพื่อจะได้ติดตามตัวในลำดับต่อไป