วธ.บวงสรวงต้อนรับ "ทับหลังปราสาทหนองหงส์-ทับหลังปราสาทเขาโล้น"

2021-06-01 06:22:14

วธ.บวงสรวงต้อนรับ "ทับหลังปราสาทหนองหงส์-ทับหลังปราสาทเขาโล้น"

Advertisement

รมว.วธ.เป็นประธานพิธีบวงสรวงต้อนรับ "ทับหลังปราสาทหนองหงส์" จ.บุรีรัมย์ และ "ทับหลังปราสาทเขาโล้น" จ.สระแก้วกลับสู่ประเทศไทย เตรียมจัดนิทรรศการให้ประชาชนชม 3 เดือ

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นายอิทธิพล คุณปลี้ม  รมว.วัฒนธรรม เป็ฯประธานในพิธีบวงสรวงต้อนรับทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว กลับสู่ประเทศไทย โดยมีนายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เข้าร่วมในพิธี


นายอิทธิพล กล่าวว่า รัฐบาลไทย ได้รับมอบทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมีพิธีส่งมอบโบราณวัตถุ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา ณ นครลอสแอนเจลิส ระหว่างสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา (Homeland Security Investigation – HSI) ผู้ส่งมอบ และกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ผู้รับมอบแทนกรมศิลปากรในนามราชอาณาจักรไทย พร้อมทั้งดูแลในการส่งทับหลังทั้งสองรายการออกจากท่าอากาศยานนครลอสแอนเจลิสถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่  28 พ.ค. และเคลื่อนย้ายออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมายังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยหลังจากพิธีบวงสรวงจะดำเนินการตรวจสอบโบราณวัตถุ และนำทับหลังทั้งสองรายการจัดแสดงในนิทรรศการเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ได้เรียนเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีรับมอบโบราณวัตถุอย่างเป็นทางการพร้อมเปิดให้ชมนิทรรศการ “ทับหลังปราสาทหนองหงส์ และปราสาทเขาโล้น กลับคืนสู่ประเทศไทย” ให้ประชาชนเข้าชมเป็นเวลา 3 เดือน ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร


ทั้งนี้ ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว ได้สูญหาย ไปจากที่ตั้งในช่วงราว พ.ศ.2509-2511 แต่ไม่ปรากฏรายงานหรือบันทึกเกี่ยวกับการสูญหาย ต่อมาได้ปรากฏทับหลังสองรายการนี้ อยู่ในฐานข้อมูลโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย (Asian Art Museum) เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม การติดตามทับหลังทั้ง 2  รายการ เริ่มขึ้นเมื่อนายกรัฐมนตรี ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย สืบเนื่องมาจากการสืบค้นข้อมูลโบราณวัตถุของไทยที่อยู่ในต่างประเทศของกรมศิลปากร รวมทั้งกระแสเรียกร้องของนักวิชาการและประชาชนให้ติดตามโบราณวัตถุของไทยในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลกกลับคืนมา ซึ่งมีมาก่อนหน้านั้นเป็นระยะ ที่ประชุมคณะกรรมการฯ มีมติให้ติดตามทับหลังทั้ง 2 รายการ โดยมอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้จัดทำข้อมูล จนกระทั่งวันที่ 1 ก.พ.2561  กรมศิลปากรจึงได้ส่งข้อมูลให้กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ประสานกับหน่วยงานในสหรัฐอเมริกาผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ซึ่งหน่วยงานฝ่ายสหรัฐอเมริกาที่รับผิดชอบในคดี คือ สำนักงานสืบสวนความมั่นคงเพื่อมาตุภูมิ (HSI) กระทั่งมีการนำขึ้นพิจารณาในชั้นศาล จนในที่สุดพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียยอมรับว่าทับหลังทั้งสองรายการเป็นกรรมสิทธิ์ของไทย และยินยอมให้ยึดทับหลังเพื่อส่งกลับคืนประเทศไทย


อย่างไรก็ดี การส่งมอบโบราณวัตถุที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวัฒนธรรม ในครั้งนี้นับเป็นความร่วมมืออันสำคัญยิ่งระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ทั้งภาครัฐและภาคประชาชนแสดงถึงความสัมพันธ์ และมิตรภาพอันดีและยาวนานระหว่างทั้งสองประเทศ