"ซูเปอร์โพล"ชำแหละ"5 ต้นตอ"วิกฤตโควิด-19

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ใครรับผิดชอบโควิดรอบใหม่ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,642 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10-15 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ที่น่าพิจารณา คือ กลุ่มคนต้นตอโควิด-19 รอบใหม่ล่าสุดนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 95.4 ระบุว่า เป็นนักเที่ยว นักพนัน กลุ่มแพร่เชื้อ ทำคนหากินทั่วไปเดือดร้อน และส่วนใหญ่หรือละ 95.4 เช่นกันระบุว่า ผู้ประกอบการ นายทุน ธุรกิจกลางคืนบางราย ธุรกิจมืด ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เห็นแก่ได้ส่วนตัวมากกว่าความเสียหายส่วนรวม ขณะที่ร้อยละ 95.1 ระบุว่า คนทั่วไปบางกลุ่มเห็นแก่ตัว ขาดวินัย ไม่ป้องกันตัว ไม่เว้นระยะห่าง ที่น่าเป็นห่วง คือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 94.2 ระบุว่า การทุจริตในหน้าที่ เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการในพื้นที่ ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ขณะที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 94.0 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจ และอื่น ๆ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ยิ่งไปกว่านั้น คือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 93.1 ระบุว่า นักการเมืองเอาเรื่องโควิด-19 และชีวิตของประชาชนไปปนกับเรื่องการเมือง เอาแต่เล่นเกม ไม่สร้างผลงาน ไม่ช่วยเหลือประชาชน ขณะที่ร้อยละ 93.0 ระบุว่า รัฐบาลต้องบริหารจัดการวัคซีนเชิงรุก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนทั่วถึงและเป็นธรรม และร้อยละ 92.7 ระบุว่า ฝ่ายค้านต้องแสดงตัวตนทำงานร่วมกับรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนรอดพ้นโควิด-19 ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 74.7 ระบุว่า เห็นด้วยต่อการโยกย้ายและเอาผิดผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ถ้าแก้โควิด-19 ล้มเหลวในพื้นที่ ขณะที่ร้อยละ 25.3 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า เสียงของประชาชน สะท้อนการร่วมแก้ปัญหาชัดเจน "ที่ต้นตอ" เพื่อให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยโควิด โดยต้นตอสาเหตุจำแนกจากหลายกลุ่มที่มีส่วนและต้องร่วมรับผิดชอบ ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1. เป็น กลุ่มผู้ประกอบการเห็นแก่ได้ในธุรกิจสีเทาและสีดำ กลุ่มที่ 2. กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และอื่นๆ ที่ร่วมสมประโยชน์ในพื้นที่ กลุ่มที่ 3. กลุ่มนักเที่ยวรักสนุก นักพนัน ที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงแหล่งอบายมุข กลุ่มที่ 4.เป็นกลุ่มประชาชนทั่วไป ที่เริ่มการ์ดตก หย่อนวินัย และการป้องกันตัวเอง และกลุ่มที่ 5. เป็นรัฐบาล ที่ต้องเข้มข้นกำกับมาตรการรัฐที่กำหนดเป็นตัวอย่าง รวมทั้งจัดหาและบริหารจัดการวัคซีนเชิงรุก กำหนดความเร่งด่วน และกระจายวัคซีนลงพื้นที่ให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายให้เร็วที่สุด รวมทั้งกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มการเมืองที่ยังเอาปัญหาโควิด-19 ซึ่งเป็นวิกฤตต่อชีวิตคนมาหาประโยชน์ทางการเมือง ทั้งที่เป็นช่วงวิกฤตชาติที่ต้องจับมือหาทางออกร่วมกัน ดังนั้นต้องร่วมกันรับผิดชอบทุกฝ่าย ไม่โทษกันไปมา ถือเป็นหน้าที่ที่ทุกภาคส่วนข้างต้นต้องร่วมกันรับผิดชอบเพื่อลดความไม่แน่นอนให้เหลือน้อยที่สุด เพราะหากต้องล็อกดาวน์จะกระทบภาพใหญ่ของประเทศในทุกมิติ และคงไม่พ้นกระทบปัญหาปากท้องของเราเองทุกคน ข้อพิจารณา คือ สภาวะการณ์ที่ไม่แน่นอนจะส่งผลทำให้บริหารจัดการปัญหาได้ยากกว่าการแบ่งคลัสเตอร์ออกเป็นกลุ่มย่อยในแต่ละพื้นที่จังหวัด ดังนั้นวินัยและความเข้มแข็งของพลังชุมชน รวมทั้งฝีมือการบริหารจัดการพื้นที่ท้องถิ่น ระดับอำเภอ และจังหวัด จะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงทางรอดจากวิกฤต ที่มาจากความหละหลวมของพวกเรากันเอง จนนำมาซึ่งการแพร่ระบาดของโรคระลอกแล้วระลอกเล่า