"นนนี่" ยกครัวเล่าเรื่องจริง เลิกสามีแล้วอย่างนั้นหรือ ?!

2021-04-16 12:05:35

"นนนี่" ยกครัวเล่าเรื่องจริง เลิกสามีแล้วอย่างนั้นหรือ ?!

Advertisement

"นนนี่" ยกครัวเล่าเรื่องจริง เลิกสามีแล้วอย่างนั้นหรือ ?!- “แอน สิเรียม” เปลือยเส้นทางความรักกว่า 10 ปีที่แรก! พร้อมเคลียร์ดราม่า เกาะสามี!!



นักแสดงเจ้าบทบาท-พิธีกรคนเก่ง อย่าง "แอน สิเรียม" ควงสามีหนุ่มนักธุรกิจ "จัสติน เทดด์" วัย 61 ปี และลูกสาวน้อง "นนนี่" มาเปิดตัวพร้อมหน้าพร้อมตาที่แรก งานนี้เจ้าตัวยังเผยเส้นทางความรักกับสามีนักธุรกิจที่ยาวนานกว่า 10 ปี พร้อมทั้งเคลียร์ข่าวเมาท์ คนหาว่าเกาะสามี แถมประเด็นของลูกสาวที่แต่งงานสายฟ้าแลบ สรุปตอนนี้เลิกหรือไม่เลิก ? โดยทั้ง 3 คนมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow 




แต่งงานกันมาตอนนี้ก็ยังสวีตอยู่ ?
แอน : ไม่ค่อยสวีตเท่าไหร่นะคะ ประมาณกลางๆ



ไม่ค่อยมีคนเห็นคุณจัสตินออกทีวี ?
แอน : หลังๆ ก็เยอะ แต่ว่ามานั่งทอล์ก นั่งคุยแบบนี้ไม่มี ดูสิเกร็งเป็นหุ่นเลย

แต่งงานมากี่ปีแล้ว ?
แอน : 7 ปี





พี่แอนให้ทำเป็นพิธีหมั้น แต่ขอห้ามโพสต์ลงสื่อ ณ ตอนนั้นทำไมถึงเก็บเป็นความลับ ?
แอน : ตอนนั้นเรารู้สึกเกร็งๆ แล้วเราไม่ได้แต่งงานครั้งแรก ก็เลยไม่อยากให้ใครเห็นเท่าไหร่ แล้วสามีก็เป็นคนต่างชาติด้วย จริงๆ แล้วแอนไม่ชอบฝรั่งเลย เป็นลูกครึ่งนะ แต่ว่าแอนไม่ชอบ แอนกลัว มันเหมือนมีปมมาตั้งแต่เด็กๆ

เจอกันได้ยังไงถึงมาพบรักกัน ?
แอน : ไปเจอที่รีสอร์ตเขา ตอนนั้นไปเช่ารีสอร์ตคุณจัสตินที่บางเสร่ ก็เลยเป็นการพบกันครั้งแรก



เห็นว่าเจอกันครั้งแรกคิดว่าเขาเป็นเกย์ ?
แอน : ใช่ๆ แบบว่าน่าจะสองอย่าง ชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ก็ถามเขาคิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะเขาสำอาง

อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจลองคุยกับคนนี้ ?
แอน : เขาเขียนอีเมลจีบแอนอยู่เป็นปี แอนก็งง จีบทางอีเมลยากจังเลย ภาษา ศัพท์เป็นทางการมาก

จัสติน : ตอนแรกเขาจะมาพักที่รีสอร์ต แล้วงงมากเพราะสตาฟฟ์ทุกคนซุบซิบๆ ว่าแอน สิเรียม จะมา เขาก็งง แต่พอเจอปุ๊บรู้สึกว่าเหมือนเป็นรักครั้งแรก



แอน : แต่พี่ไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยนะคะ แอนคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่สุภาพจัง แต่บางทีด้วยถ้อยคำ คำพูดไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ เขาก็ขะแซวๆ ภาษาอังกฤษเธอไม่ดีไม่เป็นไรนะ แต่ถ้าไปเที่ยวฮอลิเดย์กับเขาสัก 6 เดือนภาษาอังกฤษเธอจะเก่งมากเลย เราก็งง นึกยังไงฉันจะไปกับเธอ แต่เขาก็เป็นเหมือนโจ๊กฝรั่ง ล้อเล่น แหย่ๆ



ตอนนั้นพอเจอเสร็จมีการจีบต่อยังไง ?
จัสติน : ส่งอีเมลไปหาตลอดเวลาเลย 3-4 เดือน แรกๆ เขาก็ตอบแบบสั้นๆ สุภาพ มีมารยาท หลังๆ คือไม่ตอบแล้วก็หายไปเลย คนเราทุกคนแม้จะรักแค่ไหน แต่ความอดทนเรามีขีดจำกัด 3-4 เดือนไม่ส่งหาแล้ว

แอน : ไม่ส่งก็ไม่ส่งไม่เป็นไร ตอนนั้นเขาก็ส่ง sms มาบ้าง แต่มันก็ไม่ได้คอนแท็กกัน จนกระทั่งลูกไปเรียนที่อังกฤษเราก็เลยได้ไปเจอกันอีกทีโดยบังเอิญ ก็เลยเริ่มคุยด้วย ไปไหนมาไหนด้วยกัน

2 ปีเต็มเขาโทรมาหาไม่รับโทรศัพท์ ?
แอน : เขาไม่ได้โทรทุกวันขนาดนั้น

อะไรที่ทำให้พี่แอนเปิดใจลองคบ ลองคุย และแต่งงานกับคนนี้ ?
แอน : พอคุยไปด้วยแล้วสนุก มีความรู้สึกว่าเขาเป็นธรรมชาติดีไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมาก ต่างคนก็ชอบกินเหมือนกัน เขาก็ชอบออกกำลังกายเหมือนกัน รู้สึกว่าไลฟ์สไตล์เราเข้ากันมากกว่า

ทราบหรือเปล่าคุณแอนผ่านการแต่งงานมาก่อน ?
จัสติน : ไม่รู้จำไม่ได้เหมือนกัน ไม่คิดว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องจำ



จัดงานแต่งงาน 2 ที่ ที่อังกฤษและที่ไทย ?
แอน : มันเป็นอะไรที่เล็กๆ มาก ที่ไทยคือเขาชอบพิธีทางไทย แต่ว่าช่วงนั้นลูกเราก็มาไม่ได้ เราก็เลยจัด 2 ครั้ง เพราะว่าเพื่อนเขาก็ไม่สามารถบินมาเมืองไทยได้ทุกคน เพื่อนสนิทเขาก็เลยต้องจัดที่อังกฤษอีกครั้งนึง

พี่แอนอยู่ในที่สาธารณะ แต่งงานปุ๊บดราม่าเลย ?
แอน : ก็มีค่ะ หลายๆ คนจะพูด พี่โดนกอสสิป โดนบูลลี่เยอะเหมือนกัน หลายๆ คนก็จะพูดว่าใช่สิ มีสามีฝรั่ง แต่เขาไม่ได้ใช้คำว่าสามี ก็ทำอย่างนี้ เกาะสามีกินไม่ต้องทำงานแล้ว ก็โดนเยอะเหมือนกัน เพราะโดยสังคมทั่วๆ ไป ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นอะไรที่เปิดแล้วก็ตาม แต่ว่าลึกๆ มันก็มีนิดนึง อีกระดับนึงอยู่ บางทีอาจจะไม่เป็นคำพูด แอนมองว่าคนเราเกิดเป็นคนเหมือนกัน ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน ก็เกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกัน แล้วความรักเราไม่ใช่เด็กๆ แล้ว

เวลาเห็นข่าว มันทำให้เรารู้สึกยังไง ?
แอน : บางทีก็รู้สึกแย่นะคะ ช่วงที่ทำงานเยอะๆ จิตตกก็มีบ้างเหมือนกัน แต่หลังๆ แอนรู้สึกว่าเราไม่ต้องเอามันมาแบกไว้ ไม่มีใครรู้จักเรา 2 คนดี เท่ากับเราสองคน

จัสติน : ตอนนั้นเขาไม่ได้บอกอะไรเลย เห็นเขาโอเค เราก็โอเค คือไม่ได้รู้ว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น

แอน : บางทีเรื่องไม่เป็นเรื่องเราก็ไม่อยากบอกให้คนอื่นทุกข์ บางทีสังคมมันไม่เหมือนกันในความรู้สึกแอนนะคะ



เห็นหวานๆ แบบนี้ก็มีช่วงที่เกือบไปกันไม่รอดเหมือนกัน ?
แอน : ก็มีนะคะ ภาษาเราไม่ได้แข็งแรงมาก พูดก็เข้าใจหมดทุกอย่าง แต่มันไม่ได้ลงดีเทลลึกเหมือนภาษาไทยที่เราเข้าใจ มันก็มีบ้างบางทีที่ฉันอยากจะอธิบายให้เธอเข้าใจตรงนี้ แต่เธอก็ไม่เข้าใจ ส่วนมากมันจะเกิดขึ้นตอนอยู่ในประเทศไทยมากกว่าอยู่ประเทศอังกฤษ

ทะเลาะกันเรื่องอะไร ?
แอน : คิดไม่ออก เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

จัสติน : คนเราต่างพ่อ ต่างแม่มาอยู่ด้วยกัน บางทีมันก็มีทะเลาะกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ นิดหน่อย

ผอมลง สวยขึ้นไปทำอะไรมา ?
นนนี่ : ไม่ได้ทำอะไรเลย ช่วงนั้นกลับมากักตัวอยู่บ้าน แม่ก็เลยให้ออกกำลังกาย

ตอนแรกที่น้องนนนี่ได้เจอกับคุณจัสติน ตอนนั้นเป็นยังไง ?
นนนี่ : ตอนนั้นหนูก็ไม่ได้มีคอมเมนต์อะไรอยู่แล้ว ตอนนั้นเหมือนเราเด็กมาก น่าจะประมาณ 15 เหมือนแล้วแต่แม่เลย ไม่ได้มีคอมเมนต์ว่าชอบไม่ชอบ อะไรที่แม่มีความสุขก็ตามใจคุณแม่เลย



เราเรียกคุณจัสตินว่าอะไร ?
นนนี่ : เรียกจัสตินเลย เขาก็ดูแล ทำหน้าที่พ่อไปเลย

มีอะไรจะบอกคุณจัสตินไหม ?
นนนี่ : ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของครอบครัวเรา เข้ามาในชีวิตคุณแม่ ทำให้ทุกอย่างมันมีความสุขมากๆ

จัสติน : ขอบคุณน้องนนนี่ที่ทำให้ทุกอย่างมันง่ายมากในการที่เราเป็นครอบครัวด้วยกัน

แอน : ต้องบอกว่าช่วงก่อนที่เราจะเข้ากันได้ 100% ก็ต้องพึ่งคุณจัสตินที่ต้องช่วยประสาน ปรับความเข้าใจเพราะว่าแม่ก็อยากให้ลูกเป็นได้ดั่งใจทุกอย่าง ลูกก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูงเหลือเกิน จัสตินก็จะมาอธิบายให้แอนเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าบางทีเราต้องเปิดโอกาส ให้ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างที่เขาอยากจะทำ มันทำให้เราหาทางออกเจอ ทำให้เราเข้าใจลูกและสามี แล้วแอนก็เข้าใจการใช้ชีวิตครอบครัว

คู่แม่ลูกคู่นี้ดูสนิทกันดี แต่ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องให้คุณแม่ช็อกน้ำตาตกใน ?
แอน : ก็หลายเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แอนว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนเป็นแม่ บางทีเรามักจะเจออะไรที่เราคาดไม่ถึง อย่างเช่นแบบว่า แม่หนูจะแต่งงานแล้วนะ



เขาไม่เคยเกริ่นมาก่อนเหรอว่าเขามีแฟน ?
แอน : เขาก็เกริ่นมาบ้างว่าเขาเป็นแฟนกับคนนี้นะ แล้วอยู่ๆ เขาคงคิดว่าเขาอยากจะแต่งงานแล้วแหละ

คุณแม่ทราบพร้อมข่าว หรือน้องนนนี่บอกให้ทราบก่อน ?
แอน : บอกให้ทราบก่อน เขาก็ทำทุกอย่างถูกต้อง ไม่ได้มีอะไรเสียหาย แต่ว่าเรามองว่าวัยนี้การแต่งงานมันอาจจะเร็วไป ก็ถามสามีว่ายังไง

จัสติน : ก็เห็นด้วย

แต่ความเป็นแม่ทำไมถึงรู้สึกว่าเด็กเกินไปหรือเปล่า ?
แอน : ไม่รู้อะ เรามองว่าเด็ก ตอนแต่งงานเราก็เด็ก ลูกก็บอกเราว่าตอนแม่แต่ก็อายุประมาณหนูไม่ใช่เหรอ สุดท้ายก็แล้วแต่ลูก



สรุปตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราเป็นยังไง ?
นนนี่ : เลิกกันแล้วค่ะ เลิกกันประมาณช่วงปลายปีที่แล้ว เพราะว่าตัวพี่เขาเองกลับไปอังกฤษประมาณช่วงกลางปี คือเขาอยากจะกลับไปอยู่ที่นู่น แต่ว่าเราอยากอยู่ที่นี่ ความคิดเห็นไม่ค่อยตรงกันก็เลยแยกย้าย

สิ่งที่เกิดขึ้น แม่รู้สึกยังไง ?
แอน : แอนไม่ได้รู้สึก แอนเป็นแม่เขา แต่ว่าแอนไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตเขา ดังนั้นเขามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเลือกว่าเขาอยากจะทำอะไรมากกว่า ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจยังไง แอนก็เคารพในการตัดสินใจของเขา แล้วแอนก็จะคอยซัพพอร์ตเขามากกว่า แอนก็แฮปปี้นะที่ลูกมีโอกาสกลับมาอยู่เมืองไทย ได้อยู่กับคุณยาย ได้เจอญาติพี่น้อง ได้กลับมาเจอวงสังคมแบบไทยๆ สุดท้ายที่นี่คือบ้าน เขาก็คุยกันดีอยู่นะคะ ไม่ใล่เลิกกันแล้วไม่คุยกัน เลิกกันแบบเข้าใจกัน

มันทำให้มุมมองความรักเราเปลี่ยนไปไหม ?
นนนี่ : ไม่เปลี่ยนเท่าไหร่นะคะ โอเคเราคบกับใครเราก็จะเต็มที่อยู่แล้ว แต่พอมันเดินมาถึงตรงนี้แล้วมันไปกันไม่ได้ เราก็ไม่อยากจะฝืนมันแล้ว



ตอนนี้มีใครใหม่หรือยัง ?
นนนี่ : ไม่มี ยังไม่มี



คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง