ทำใจยากต้องแยกจากลูก-พ่อแม่ “อีฟ พุทธธิดา” พร้อมสามีติดเชื้อโควิด-19 ไล่เปิดไทม์ไลน์ 11 วัน ขอบคุณทุกกำลังใจ-ความห่วงใย
ยังคงมีมาให้ได้เห็นเรื่อยๆ สำหรับรายชื่อของคนแวดวงวงการบันเทิงที่ติดเชื้อโควิด-19 อย่างล่าสุดก็พบว่า “อีฟ พุทธธิดา ศิระฉายา” และสามี “ต้น เติมศักดิ์” เพิ่งจะออกมาประกาศว่าติดเชื้อไปหยกๆ
ซึ่งเมื่อวานนี้ (14 เม.ย. 2564) “อีฟ พุทธธิดา” ก็ได้โพสต์ภาพข้อความที่ระบุเนื้อหาไว้ว่า “อีฟและต้นติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้อยู่ในความดูแลของคุณหมอใน Hospitel เรียบร้อยค่ะ” ลงอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมกับระบุแคปชั่นเพิ่มเติมว่า...
“เพิ่งจะได้โพสต์เพราะมีหลายอย่างต้องทำมาก และต้องทำใจประมาณนึงที่จะต้องแยกจากลูกและพ่อกับแม่ เนื่องจากวันที่ 11 ช่วงกลางวันอี๊ฟมีอาการเจ็บคอเล็กน้อย และช่วงเย็นอี๊ฟมีไข้ขึ้น ประมาณ 37.5 เช้าวันที่ 12 ต้นมีอาการไอเล็กน้อยแต่ไม่มีไข้ เราสองคน จึงได้แยกพื้นที่ออกจากคุณพ่อคุณแม่ และลูกชายและคนอื่นๆ ในบ้าน และได้พยายามหาทางตรวจโควิด19 แต่เนื่องจากทุกรพ. คิวตรวจแน่นมาก เราจึงตัดสินใจไปตรวจกับคลินิก (เพราะต้องการทราบให้เร็วที่สุดว่าติดโควิดหรือเป็นหวัดทั่วไป เนื่องจากอยู่บ้านเดียวกันกับคุณพ่อที่ป่วยและคุณแม่ที่อายุมากทั้งคู่ และมีบุญที่ยังเล็ก) ระหว่างรอผลเราได้แยกส่วนอยู่กับสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ เพราะที่บ้านแยกเป็นสองตึกจึงกักตัวแยกกันอยู่ ผลออกมาวันที่ 13 ช่วงบ่ายๆ แจ้งกลับมาว่าเราทั้งคู่ติดโควิด เราได้แจ้งผู้ที่พบเจอใกล้ชิดทุกท่านแล้ว (เพราะมีไม่กี่ท่านที่ได้เจอในช่วงนี้ค่ะ) เราจึงได้นั่งไล่ไทม์ไลน์ดังนี้ค่ะ เราทั้งคู่ได้พยายามระวังตัวอย่างดีที่สุดและคิดว่าตัวเองไม่ได้ไปในที่สุ่มเสี่ยงหรือการ์ดตกแต่อย่างใด เพราะปกติระวังตัวกันมากอยู่แล้วเนื่องจากที่บ้านมีทั้งผู้สูงอายุและเด็ก แต่จากเหตุการณ์นี้เราได้รู้ว่า อาจจะแค่ 10 นาที 5 นาที 15 นาที ที่เราอาจจะเจอกับผู้ที่เค้ามีเชื้อมา ถึงเค้าจะไม่มีอาการก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีเชื้อ และเราไม่ควรประมาท ถอดหน้ากากเพราะไม่มีทางรู้ว่า ใครไปไหนเจอใครอย่างไรกันบ้าง โทษใครก็ไม่ได้เพราะเป็นความประมาทของตัวเอง และก็ต้องเข้าใจคนอื่นเพราะเค้าเองก็อาจจะไม่รู้ว่าเค้ามีเชื้อ และไม่มีอยากจะใครป่วย ดังนั้นดีที่สุดคือ สวมหน้ากากตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์บ่อยๆ อย่าไปไหนโดยไม่จำเป็น เราทุกคนจะได้ช่วยกันชนะโควิดให้ได้อีกครั้งเหมือนที่ผ่านมานะคะ ตอนนี้อี๊ฟและต้นได้รับการดูแลโดยเข้ากักตัวที่ Hospitel เรียบร้อยแล้ว ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ”
วันที่ 5 ไปดูตึกออฟฟิศกับเพื่อน ใช้รถส่วนตัว วันที่ 6 ไปรับลูกที่ Central Eastville ตอน 12.30น. ไม่ได้เข้าห้องเรียนด้วย ไปซื้อของที่ supermarket ใส่แมสก์ตลอดเวลา วันที่ 7 ประชุมที่ออฟฟิศไม่ได้ใส่แมสก์ และมีผู้ร่วมประชุมอยู่ 5ท่าน ตอนนี้ 3ใน5คนป่วย คาดว่าติดจากตรงนี้ค่ะ วันที่ 8 ทานมื้อเย็นที่ร้านบ้านครบรส วันที่ 9 อยู่บ้าน วันที่ 10 ไปซื้อยาให้คุณพ่อที่ Pharmax ถนนเลียบทางด่วนใส่แมสก์ตลอดเวลา และซื้อกาแฟที่starbucks ไม่ได้ดื่มในร้านซื้อมาดื่มที่รถ ไปซื้อผักที่ Golden Placeใส่แมสก์ตลอดเวลา และไปรับพิซซ่าที่สั่งไว้ที่ร้าน Italian Proudfa (town in town) รับกลับมาทานที่บ้าน วันที่ 11 ใส่แมสก์ตลอดเวลาไปร้านเจริญชัยการช่างเข้าไปแค่ 10นาที ไปพาหุรัด ไปมนต์นมสดซื้อกลับบ้าน ไปสั่งข้าวที่ร้านส.หน้าวังกลับบ้าน ไม่มีร้านไหนที่นั่งทานในร้านค่ะ คืนวันที่11มีไข้ วันที่ 12 แยกจากครอบครัวอยู่บ้านคนละตึก และไปตรวจหาเชื้อ วันที่ 13 อยู่บ้านกักตัวที่บ้านรอผล และผลพบว่าติดเชื้อ แจ้งบุคคลใกล้ชิดและคนที่เจอ วันที่ 14 ช่วงเย็นได้รับการตอบรับจากทาง Hospitel คุณหมอรับตัวมาอยู่ในความดูแลเรียบร้อยค่ะ
และล่าสุด (15 เม.ย. 2564) สาวอีฟก็ได้เคลื่อนไหวแจกแจงไทม์ไลน์ก่อนติดโควิด-19 ตั้งวันที่ 4 เม.ย. – 14 เม.ย. 2564 ไว้ให้ทราบดังนี้
วันที่ 4 อยู่บ้าน
“ในส่วนของร้านบ้านครบรส ทางร้านได้มีการพ่นยาฆ่าเชื้อเป็นประจำอยู่แล้วช่วงเช้าก่อนเปิดร้าน (เป็นช่วงทำความสะอาดก่อนเปิดร้าน) อย่างไรก็ตามในวันที่ 10 ได้รับการดูแลจาก Nano9 มาฉีดพ่นทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วยค่ะ แต่เนื่องจากตามไทมไลน์อี๊ฟได้เดินทางไปที่ร้านในวันที่ 8 ทางร้านจึงมีมาตรการปิดเพื่อพ่นยาฆ่าเชื้อโรค พร้อมทั้งให้พนักงานกักตัว 14วัน ค่ะ ทางร้านจึงปิดทำการค่า”
พร้อมกันนี้ “อีฟ พุทธธิดา” ก็ยังยังได้โพสต์ข้อความขอบคุณทุกกำลังใจและความห่วงใยจากทุกคนให้เธอไว้ว่า...
“ก่อนอื่นอีฟอยากจะขอขอบคุณทุกๆ คนทุกๆกำลังใจที่ส่งเข้ามาทุกๆ ทางเลยนะคะ ได้อ่านทุกข้อความ และต้องขอขอบพระคุณมากๆ อาจจะไม่ได้ตอบทุกคน แต่ได้รับความหวังดีความห่วงใยจากทุกคนแล้วนะคะ อยากให้ทุกๆ ท่านปลอดภัย ดูแลและเอาใจใส่ตัวเองกันด้วยนะคะ ขอให้ทุกคนแข็งแรงแคล้วคลาดจากโควิดทุกท่านค่ะ อีฟขอลงไทม์ไลน์อีกครั้ง เนื่องจากไปลงในคอมเมนต์อันแรกหลายคนไม่เห็นค่ะ สวมแมสก์ ล้างมือ ไม่จำเป็นอย่าไปไหนกันน้า stay safe กันน้าทุกคน”
