รัสเซียใช้สิทธิ์วีโต้มติยูเอ็นเอสซี ที่จะเดินหน้าสอบสวนการใช้อาวุธเคมีโจมตีในซีเรีย ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนกล่าวหารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีทำลายระบบประสาท
รัสเซียใช้สิทธิ์ยับยั้ง หรือวีโต้ มติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ซึ่งจะขยายการสอบสวนนานาชาติในเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย นับเป็นครั้งที่ 10 แล้วตั้งแต่ปี 2554 ที่รัฐบาลมอสโกใช้อำนาจวีโต้มติยูเอ็นเอสซี ในที่ประชุมเพื่อสนับสนุนซีเรีย ซึ่งเป็นพันธมิตรตั้งแต่เริ่มต้นความขัดแย้งในซีเรีย นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวหารัสเซียว่า บ่อนทำลายความสามารถของยูเอ็นเอสซี ที่จะหยุดยั้ง การโจมตีด้วยอาวุธเคมีในอนาคต ส่วนเอกอัครราชทูตรัสเซีย ปฏิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ กลไกการสอบสวนร่วม หรือเจไอเอ็ม จัดตั้งขึ้นในปี 2558 เพื่อตรวจสอบหาตัวผู้กระทำความผิดจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมี ซึ่งเป็นชุดสอบสวนการใช้อาวุธเคมีในซีเรียอย่างเป็นทางการ
รัสเซียวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อคณะสอบสวนชุดนี้ เมื่อกล่าวประณามรัฐบาลซีเรียว่าใช้อาวุธเคมีทำลายระบบประสาทโจมตีเมืองคานชีคุน ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทางรัฐบาลซีเรียปฏิเสธการใช้อาวุธเคมีต้องห้ามดังกล่าว
มติดังกล่าวต้องการเสียงสนับสนุน 9 เสียง และห้ามไม่ให้มีการใช้สิทธิ์ยับยั้ง หรือวีโต้จากสหรัฐ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, อังกฤษ หรือจีน ส่วนร่างมติที่ร่างโดยรัสเซียฉบับนี้ ได้รับเสียงสนับสนุน 4 เสียง, ต่อต้าน 7 เสีย และงดออกเสียง 4 เสียง ก่อนหน้านี้ รัสเซียก็วีโอตร่างมติที่สหรัฐเป็นผู้ร่างในประเด็นเดียวกัน