รวบแล้ว! หนุ่มหื่นเดินเคาะห้อง บุกข่มขืน นศ.ปี 2

2021-03-16 18:05:37

รวบแล้ว! หนุ่มหื่นเดินเคาะห้อง บุกข่มขืน นศ.ปี 2

Advertisement

 วงจรปิดจับภาพหนุ่มหื่นเคาะประตูห้องพักผู้หญิงในแมนชั่นใจกลางเมืองอุบลฯ ก่อนฉวยโอกาสผลักประตูบุกเข้าไปข่มขืน ก่อนหลบหนี ล่าสุดตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว

จากกรณีกล้องวงจรปิดภาพคนร้ายอายุประมาณ 18 -20 ปี สวมเสื้อคอกลมสีขาวลายดำขวาง กางเกงยีนส์ขายาวใส่ผมสั้นรองทรง ใส่แมสสีดำปกปิดใบหน้า เคาะประตูห้องพักก่อนฉวยโอกาสผลักประตูบุกเข้าไปข่มขืนจนสำเร็จความใคร่แล้วขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดง-เทา หมายเลขทะเบียน 2 กข-9884 อุบลราชธานี หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 7.30 น. วันที่ 7 มี.ค.64 ที่ผ่านมา

จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ผู้เสียหายเล่าว่า ขณะที่นอนอยู่ภายในห้องพักภายในแมนชั่นแห่งหนึ่ง ซ.แจ้งสนิท 4.7 ถ.แจ้งสนิท ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องพัก นึกว่าเพื่อนมาเรียกจึงได้เปิดประตูห้องได้มีชายอายุประมาณ 18 -20 ปี สวมเสื้อคอกลมสีขาวลายดำขวาง กางเกงยีนส์ขายาวใส่ผมสั้นรองทรง ใส่แมสสีดำปกปิดใบหน้า ใช้มือผลักมาที่เตียงนอนแล้วปิดประตูห้อง ตนเองได้ขอร้องไม่ให้กระทำ แต่ชายดังกล่าวได้พูดจาข่มขู่ว่าอย่าเสียงดังและใช้มือปิดปาก ใช้กำลังถอดเสื้อผ้าข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ออกจากห้องหลบหนีไป




ล่าสุด วันที่ 16 มี.ค. พ.ต.อ.ธนาพันธ์ ผดุงการ ผกก.สภ.เมือง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จ.อุบลฯและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุบลฯร่วมกับชุดสืบสวนจังหวัด นำโดย พ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รอง ผกก.สส.สภ.เมือง นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จับกุมนายเอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดง-เทา หมายเลขทะเบียน 2 กข-9884 อุบลราชธานี ที่ใช้ก่อเหตุ โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ซอยชยางกรู 10/1 ต.ในเมือง อ.เมืองอุบล ซึ่งเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า ก่อเหตุดังกล่าวจริง ใช้แอพพลิเคชั่นหาคู่แล้วแชทพูดคุยกับเหยื่อแล้วนัดพบกัน โดยก่อเหตุมาแล้วประมาณ 10 ครั้ง

สำหรับมูลเหตุจูงใจเนื่องจากมีความต้องการทางเพศสูง เพื่อสำเร็จความใคร่ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาข่มขื่นกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป