แห่เลี้ยง “ปลาพลวงชมพู” ราคาพุ่ง กก.ละ 3 พัน

2021-03-03 17:35:06

แห่เลี้ยง “ปลาพลวงชมพู”  ราคาพุ่ง กก.ละ 3 พัน

Advertisement

ชาวบ้าน ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพูหรือปลากือเลาะที่กินได้ทั้งเกล็ด เพื่อไว้บริโภคในครัวเรือนมานานกว่า 10 ปีแต่เพิ่งรู้ว่ามันเป็นปลาหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ พบริมเชิงเขาและตามน้ำตกต่าง ๆ โดยมีราคาดีกิโลกรัมละตั้งแต่ 2,000-3,000 บาท จึงเร่งเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านริมเทือกเขาบรรทัด

วันที่ 3 มี.ค.64 ที่บ้านของนายสมโชค สงนวล อายุ 58 ปี เลขที่22/5 หมู่ที่ 5 ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มีการเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพูหรือปลากือเลาะเพื่อไว้บริโภคในครัวเรือนมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยหาลูกพันธุ์มาจากแหล่งน้ำตกใกล้บ้าน ซึ่งอยู่ติดกับเทือกเขาบรรทัด นำไปเลี้ยงจนได้ขนาด ก่อนจะนำมาทำอาหารหลากหลายเมนู แต่เมื่อปี 2562 มีบริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรัง เข้ามาทำโครงการวิจัย และพบว่าเป็นปลาพลวงชมพูชนิดเดียวกับที่พบในอำเภอเบตง จ.ยะลา เป็นปลาน้ำจืดในตระกูลปลาตะเพียนหรือบางแห่งเรียกว่า ปลาเวียน เป็นปลาที่หายากและใกล้สูญพันธุ์สามารถนำไปทอดกรอบแล้วกินได้ทั้งเกล็ด แตกต่างจากปลาทั่วไป เนื่องจากเกล็ดมีลักษณะอ่อนนิ่มมาก

นายสมโชค จึงได้เพาะเลี้ยงไว้ได้ประมาณ 1,000 ตัว อายุตั้งแต่ 4-7 เดือน ทำบ่อพลาสติกลึกประมาณ 50-60 เซนติเมตร ใส่ท่อซีเมนต์ไว้หลาย ท่อ เพื่อให้ปลาหลบซ่อนตัว ใช้น้ำจากภูเขาไหลผ่านบ่อต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 บ่อ แต่หากเลี้ยงครบ 1 ปีปลาพลวงชมพูจะมีน้ำหนักตัวละประมาณ 1 กิโลกรัม โดยมีราคาขายสูงถึงกิโลกรัมละตั้งแต่ 2,000-3,500 บาท และหากส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ฮ่องกงและมาเลเซียจะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 5,000-6,000 บาท ซึ่งขณะนี้เกษตรกรยังรอขุดบ่อเพิ่มเพื่อขยายพันธุ์ปลาให้มากขึ้น




โดยมีบริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรังเข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยู่ริมเทือกเขาบรรทัด รวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพูเกรดพรีเมี่ยม เพื่อให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ ที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากมีสายน้ำจากเทือกเขาบรรทัดไหลผ่าน ทำให้น้ำใสสะอาด ปลาเนื้อแน่น โตเร็วไม่มีกลิ่นคาว ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำ เหมาะสำหรับเป็นที่อาศัยอยู่ปลาพลวงชมพูเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านมีการรวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยง แต่เนื่องจากปลาพลวงชมพู ออกไข่น้อยและอัตราการรอดน้อย ชาวบ้านจึงอยากให้กรมประมงมาช่วยผสมเทียมหรือเพาะขยายพันธุ์ให้ เพื่อกระจายให้กับชาวบ้านนำไปเลี้ยงให้แพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในโซนน้ำตกบริเวณป่าเทือกเขาบรรทัด ไล่ตั้งแต่ อ.ปะเหลียน อ.ย่านตาขาว และ อ.นาโยง จะได้มีอาชีพที่มั่นคงนอกเหนือไปจากการทำสวนยางพารา ซึ่งปลาพลวงชมพูยังสามารถเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้ด้วย นอกจากนี้ พบว่าชาวบ้านยังเลี้ยงปลาพลวงทอง พลวงหิน ปลาชะโอนหิน ปลาหวดและปลาน้ำจืดหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ไว้อีกหลายชนิด ส่วนเกษตรกรรายใดสนใจสามารถติดต่อผ่าน อบต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรังได้ในวันและเวลาราชการ เนื่องจากนายสมโชคฯ เกษตรกรไม่มีโทรศัพท์มือถือ

โดยนายสมโชค สงนวล ผู้เลี้ยงปลาพลวงชมพูกล่าวว่า ตนเลี้ยงปลาพลวงชมพูมาประมาณ 1 ปีแต่ก่อนหน้านี้เลี้ยงมา 10 ปีแล้วมีอยู่ประมาณ 1,000 ตัว เริ่มแรกก็เพื่อบริโภคในครัวเรือน รสชาติดี ราคาขายในตลาดตนไม่รู้แต่รู้ว่าใน 3 จังหวัดบอกว่ากิโลกรัมละ 3,500 บาทแต่ตนยังไม่เคยได้ขาย นอกจากนี้มีปลาชะโอนหินซึ่งราคาขายกิโลกรัมละ 300 บาท และหากินได้ ตอนนี้อยากจะขยายบ่อแต่ยังไม่มีงบ หากได้บ่อจะเลี้ยงเพิ่มอีกเยอะ ซึ่งตอนนี้มีเกษตรกรสอบถามเข้ามาเยอะมาก และมองว่าน่าจะเป็นรายได้เสริมที่ดีอีกทางหนึ่งด้วย โดยน้ำไม่ต้องบำบัดเพราะเป็นน้ำธรรมชาติที่สะอาด บริสุทธิ์