สหรัฐฯ ดับจากโควิด-19 ทะลุครึ่งล้าน เตรียมจัดพิธีไว้อาลัยเหยื่อ

2021-02-23 07:25:20

สหรัฐฯ ดับจากโควิด-19 ทะลุครึ่งล้าน เตรียมจัดพิธีไว้อาลัยเหยื่อ

Advertisement


โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ได้คร่าชีวิตผู้คนในสหรัฐฯ แล้วมากกว่า 500,000 คนแล้ว นับตั้งแต่ตรวจพบผู้เสียชีวิตรายแรกเมื่อราวหนึ่งปีก่อน ซึ่งหมายความว่ามีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่าในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง และสงครามเวียดนามรวมกัน

โรคโควิด-19 ได้แพร่กระจายทั่วทุกมุมของสหรัฐฯ ทำลายล้างเมืองที่เคยมีฝูงชนหนาแน่น รวมถึงเทศมณฑลชนบทด้วย โดยตอนนี้มีชาวอเมริกันราว 1 ใน 670 คน เสียชีวิตจากการระบาดใหญ่ดังกล่าว โดยนครนิวยอร์ก มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่า 28,000 ราย หรือคิดเป็นเหยื่อ 1 รายต่อประชาชน 295 คน ด้านเทศมณฑลลอสแองเจลิส มีผู้เสียชีวิตเกือบ 20,000 รายแล้ว คิดเป็นเหยื่อ 1 รายต่อประชาชน 500 คน ส่วนเทศมณฑลแลมบ์ของรัฐเท็กซัส ซึ่งมีประชากร 13,000 คน อาศัยกระจัดกระจายบนพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์ มีผู้เสียชีวิตในอัตราเหยื่อ 1 รายต่อประชาชน 163 คน



ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ รายงานว่าสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รวมอยู่ที่ 500,172 ราย เมื่อนับถึงเช้าวันอังคารตามเวลาในไทย ครองอันดับ 1 ของโลก โดยแคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก และเท็กซัส เป็นสามรัฐแรกที่มีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดในประเทศ ส่วนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ รวมอยู่ที่ 28,184,218 ราย

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีกำหนดการกล่าวไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในช่วงเย็นวันจันทร์ที่ทำเนียบขาว ซึ่งจะตามด้วยการไว้อาลัยอย่างสงบและพิธีจุดเทียนรำลึกถึงผู้เสียชีวิตทุกคน



ด้านนายแพทย์แอนโธนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ว่า จากนี้ไปอีกหลายสิบปี ผู้คนจะยังคงพูดถึงเหตุการณ์โรคระบาดใหญ่ครั้งนี้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสูญเสียครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากเสียชีวิต

นายแพทย์เฟาซี เตือนด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่ชาวอเมริกันอาจต้องสวมหน้ากากอนามัยไปจนถึงปี 2565 ขึ้นอยู่กับระดับของไวรัสที่ยังคงอยู่ในชุมชนไปจนถึงปีหน้าหรือมากกว่านั้น และประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องฉีดวัคซีน จึงจะทำให้ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอีก

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการติดเชื้อไวรัสโควิดที่ลดลงอย่างรวดเร็ว จะเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลต้องกลับไปเปิดเศรษฐกิจตามปกติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมีหลายรัฐได้ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับร้านอาหารและอุตสาหกรรมค้าปลีกต่าง ๆ

รายงานระบุว่า “หมุดหมายสำคัญมักเกิดขึ้นยามความหวังฉายแสง : ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างรวดเร็ว อัตราการเสียชีวิตชะลอตัวลง และการฉีดวัคซีนเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทว่ายังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ที่อุบัติใหม่ และอาจใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าการระบาดใหญ่จะอยู่ภายใต้การควบคุม การเสียชีวิตแต่ละครั้งทิ้งความโศกเศร้าให้คนข้างหลังนับไม่ถ้วน ผลกระทบเล็ก ๆ จากการสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าขยายวงกว้างทั่วชุมชนและเมืองต่าง ๆ การเสียชีวิตแต่ละครั้งสร้างความว่างเปล่าในชุมชนต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ คนที่ยังมีชีวิตพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยว จากครั้งหนึ่งที่เคยมีคู่สมรส พ่อแม่ เพื่อนบ้าน และผองเพื่อน มหันตภัยครั้งนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนกว่า 500,000 รายแล้ว”