ชาวเมียนมานับหมื่นเดินขบวนประท้วงต่อต้านทหารยึดอำนาจ

2021-02-08 07:35:32

ชาวเมียนมานับหมื่นเดินขบวนประท้วงต่อต้านทหารยึดอำนาจ

Advertisement

ประชาชนชาวเมียนมานับหมื่นคนเดินขบวนในนครย่างกุ้งในวันอาทิตย์เป็นวันที่สองติดต่อกัน ขณะที่อีกหลายพันคนชุมนุมในหลายเมืองทั่วประเทศเพื่อประท้วงการยึดอำนาจและการคุมขังนางออง ซาน ซู จี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

การประท้วงในเมียนมาครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ตอนที่เกิดการประท้วงที่นำโดยพระภิกษุสงฆ์เมียนมา และเกิดขึ้นท่ามกลางคำสั่งระงับบริการเครือข่ายโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ แต่การเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ก็เริ่มกลับมาใช้ได้อีกครั้งแล้ว 

ประชาชนในย่างกุ้งซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเมียนมาต่างตะโกนคำขวัญขับไล่ทหาร และสนับสนุนนางซู จี โดยส่วนใหญ่ต่างถือลูกโป่งสีแดง โบกธงของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี และชูสามนิ้วเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงครั้งนี้ด้วย

ผู้ประท้วงพากันตะโกนขับไล่ระบอบเผด็จการทหาร และ “Long live Mother Suu” ซึ่งหมายถึงนางซูจีที่ถูกกองทัพเมียนมาควบคุมตัวไว้ตั้งแต่วันจันทร์ และเผชิญข้อกล่าวหาเรื่องการนำเข้าและใช้วิทยุสื่อสาร "วอล์คกี้ทอล์คกี้" อย่างผิดกฎหมาย หลังจากเจ้าหน้าที่บุกค้นบ้านพักของเธอในกรุงเนปิดอว์และพบวิทยุดังกล่าว

"เราไม่ต้องการเผด็จการทหาร เราต้องการประชาธิปไตย" ฝูงชนตะโกนในย่างกุ้ง แต่การชุมนุมประท้วง ก็จัดขึ้นในอีกหลายสิบเมือง

ส่วนที่เมืองมัณฑะเลย์ นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขต่างชุมนุมในบริเวณกลางใจเมืองเพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการยึดอำนาจ เช่นเดียวกับที่เมืองเมาะละแหม่งและเมืองพะย่าโต้นซูทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับชายแดนไทย ที่มีประชาชนชุมนุมประท้วงหลายร้อยคน

ผู้แทนสหประชาชาติประจำเมียนมา โธมัส แอนดรูว์ ระบุในแถลงการณ์ว่า จนถึงขณะนี้คาดว่ามีสมาชิกพรรครัฐบาลและฝ่ายตรงข้ามกองทัพเมียนมาถูกจับกุมไปแล้วมากกว่า 160 คน ในขณะที่กองทัพเมียนมาพยายามปิดกั้นการติดต่อสื่อสารของเมียนมากับโลกภายนอก




เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว กองทัพเมียนมาประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินเป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากที่ควบคุมตัวนางออง ซาน ซู จี และสมาชิกระดับสูงของพรรคเอ็นแอลดีไว้จากข้ออ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้งครั้งใหญ่

นอกจากในเมียนมาแล้ว ยังมีการชุมนุมต่อต้านกองทัพเมียนมาโดยกลุ่มชาวเมียนมาพลัดถิ่นในหลายประเทศของเอเชีย รวมทั้งในเกาหลีใต้ อินเดีย และอินโดนีเซีย