กองทัพเมียนมา เข้าควบคุมประเทศ หลังจับตัวนางออง ซาน ซู จี ผู้นำประเทศ และนักการเมืองคนอื่น ในช่วงเช้าตรู่วันจันทร์ สถานีโทรทัศน์ทหาร รายงานว่า มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและถ่ายโอนอำนาจเป็นเวลา 1 ปี การทำรัฐประหารยึดอำนาจมีขึ้นหลังเกิดความตึงเครียดรุนแรงขึ้นระหว่างรัฐบาลพลเรือนและกองทัพหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งทั่วไป ที่ยังเกิดกรณีพิพาท
เมียนมา หรือพม่า ปกครองโดยทหารมาจนกระทั่งมีการปฏิรูปประชาธิปไตย ที่เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2554
กองทัพ แถลงในวันจันทร์ว่า ได้มอบอำนาจให้พลเอกมินอ่องลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเมียนมาแล้ว เพราะ “มีการโกงเลือกตั้ง” ขณะที่ทหารตรึงกำลังตามท้องถนนในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงและกรุงย่างกุ้งด้วย
การเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ของนางซูจี ชนะได้ที่นั่งเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาล
![](https://www.newtv.co.th/images/content/ct_20210201011411403.png)
การเชื่อมต่อข้อมูลอินเตอร์เน็ตโทรศัพท์มือถือ และการให้บริการโทรศัพท์ ถูกตัดขาวในหลายเมืองใหญ่ ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ เอ็มอาร์ทีวี ของรัฐ รายงานว่า มีปัญหาด้านเทคนิค และงดออกอากาศ เมื่อการสื่อสารมีปัญหา จึงยากที่จะประเมินสถานการณ์ในกรุงเนปิดอว์ได้ เช่นเดียวกับกรุงย่างกุ้งเมืองใหญ่สุดและอดีตเมืองหลวง การเชื่อมต่อโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต ดูเหมือนถูกจำกัด โดยบรรดาบริษัทผู้ให้บริการตัดขาดการให้บริการ
สถานีโทรทัศน์ บีบีซี เวิลด์ นิวส์ และสื่อระหว่างประเทศอื่น ๆ ถูกบล็อก ขณะที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น งดออกอากาศ ส่วนประชาชนต่างพากันเข้าแถวหน้าตู้เอทีเอ็ม ในกรุงย่างกุ้ง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า จะเกิดปัญหาขาดเงินสดในอีกไม่กี่วัน ส่วนธนาคารก็งดให้บริการทางการเงินทั้งหมดชั่วคราว จากการเปิดเผยของสมาคมธนาคาร
ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถูกมองว่า เป็นการแสดงประชามติต่ออนาคตรัฐบาลพลเรือนของนางซู จี พรรคเอ็นแอลดี ชนะได้คะแนน 83 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพียงการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ตั้งแต่สิ้นการปกครองประเทศของกองทัพในปี พ.ศ. 2554
ก่อนหน้านี้กองทัพเมียนมาระบุว่า มีการทุจริตการลงคะแนนเสียงครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว พร้อมเรียกร้องให้เลื่อนการประชุมรัฐสภาชุดใหม่ออกไป ด้านคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งสหภาพ (UEC) ปฏิเสธข้อกล่าวหาข้างต้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ความหวาดกลัวเรื่องการก่อรัฐประหาร เพิ่มมากขึ้น หลังกองทัพขู่เมื่ออไม่นานมานี้ว่าจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับการโกงเลือกตั้ง ขณะที่การประชุมรัฐสภาเมียนมาชุดใหม่สมัยสามัญครั้งที่ 1 มีกำหนดเริ่มประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันจันทร์ที่1 ก.พ. เป็นลำดับแรก ตามด้วยการประชุมสภาแห่งชาติในวันอังคาร ที่ 2 ก.พ. และสภาแห่งสหภาพในวันที่ 5 ก.พ.
การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เลือกสรรประธานของสองสภา จัดตั้งคณะกรรมการรัฐสภา พร้อมเลือกสรรผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี โดยนับเป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งสภาแห่งสหภาพ
ทั้งนี้ เมียนมาจัดการเลือกตั้งทั่วไปแบบหลายพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยครองที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาทั้งสองของรัฐสภาแห่งสหภาพ
ด้านสหรัฐประณามการยึดอำนาจครั้งนี้ โดยบอกว่า วอชิงตัน “ต่อต้านความพยายามใด ๆ ในการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง หรือขัดขวางการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยของเมียนมา โดยนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เรียกร้องให้ปล่อยตัวเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมียนมาทุกคนและผู้นำสังคมพลเรือนทั้งหมด และว่าสหรัฐจะอยู่เคียงข้างประชาชนพม่าที่ปรารถนาประชาธิปไตย, เสรีภาพ, สันติภาพและการพัฒนา กองทัพต้องยกเลิกการกระทำเหล่านี้ทันที
ส่วนในออสเตรเลีย มารีส เพย์น รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า ออสเตรเลียเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาเคารพหลักนิติธรรม เพื่อแก้ปัญหากรณีพิพาทผ่านกลไกทางกฎหมาย และปล่อยตัวบรรดาผู้นำพลเรือนและอื่น ๆ ที่ถูกควบคุมตัวไปอย่างผิดกฎหมายทันที