"ดร.กนก" วอนนายกฯปลดล็อก 5 แสนล้านช่วยเอสเอ็มอี

2021-01-20 14:45:39

"ดร.กนก" วอนนายกฯปลดล็อก 5 แสนล้านช่วยเอสเอ็มอี

Advertisement

"ดร.กนก" วอนนายกฯปลดล็อกสินเชื้อดอกเบี้ยต่ำ 5 แสนล้านช่วยเหลือเอสเอ็มอี 

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการทำงานในคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน ตาม พ.ร.ก. 3 ฉบับ ในการแก้ปัญหาผลกระทบจากโควิด -19 ว่า เป็นไปด้วยความกดดันจากปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากทางภาครัฐได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งทาง กมธ. ต้องดำเนินการในเรื่องนี้ให้ทันท่วงที แต่รายละเอียดตามพระราชกำหนด 5 แสนล้านเกี่ยวกับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีข้อจำกัดในการให้ความช่วยเหลือบรรดาเอสเอ็มอีเหล่านั้น และกรอบกติกาของสภาผู้แทนราษฎรก็ทำให้คณะ กมธ. ตรวจสอบเงินกู้ 1.9 ล้านล้าน ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักในเรื่องนี้

“ผมในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้เงินตาม พ.ร.ก. ผลกระทบโควิด 19 ทราบดีว่าความเร็วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการแก้ปัญหาเอสเอ็มอี  ด้วยเหตุผลนี้จึงพยายามที่จะเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาพูดคุยกัน ทั้งธนาคารพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง รวมไปถึงผู้แทนทางฟากฝั่งของอสเอ็มอี เพื่อหาทางออกจากปัญหาสภาพคล่องทางการเงินด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน 5 แสนล้านบาท ที่ไม่สามารถไปถึงเอสเอ็มอีขนาดเล็กได้ คำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็คือ ธนาคารพาณิชย์กังวลว่าปล่อยกู้แล้วจะกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) ส่วนทาง ธปท. ยืนยันมาตรการนี้ต้องทำผ่านกลไกสถาบันการเงินเท่านั้น และกระทรวงการคลังชี้แจงว่า พรก. ที่รัฐบาลทำออกมาบังคับให้ต้องเป็นเช่นนี้ รวมไปถึงข้อจำกัดอื่นๆ ที่ทยอยแจกแจงออกมาอีกมากมาย ซึ่งสรุปรวมความง่ายๆ ว่า กฎหมายไม่อนุญาตให้ทำ ถ้าทำปัญหาจะตกอยู่ที่หน่วยงานของเขา เช่นเดียวกับคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่ผมทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ ซึ่งประธาน กมธ. ได้ตีกรอบการทำหน้าที่ตามระบบของสภาฯ อย่างเคร่งครัด จนกรรมาธิการหลายท่านรวมถึงผมที่พยายามหาทางแก้ปัญหานี้ในแบบนอกกรอบไม่สามารถขับเคลื่อนให้สำเร็จได้ดั่งใจนัก” ศ.ดร.กนก กล่าว

ศ.ดร.กนก กล่าวอีกว่า  ข้อเสนอจากทางพวกเรา กมธ. ในเรื่องการขอแก้ไข พ.ร.ก.ซอฟโลนท์ 5 แสนล้านบาท ออกมาภายหลังจากได้ร่วมปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันอีกครั้ง เนื้อหาสำคัญก็คือ การขยายข้อจำกัดของปัญหาที่ได้รับฟังมาจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่นที่มากยิ่งขึ้นให้แก่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะดำเนินการในเรื่องของการออกสินเชื่อให้แก่ทางภาคธุรกิจ (เอกชน) โดยจะดำเนินการผ่านทางสภาผู้แทนราษฎร เพื่อออกเป็นพระราชบัญญัติแก้ไข พรก. เดิม แน่นอนว่า ย่อมต้องใช้เวลานานหลายเดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ ดังนั้น เราจึงตัดสินใจส่งข้อเสนอตรงไปยังนายกรัฐมนตรีอีกทาง เพื่อนำเข้าประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรี เพื่อออกเป็นพระราชกำหนดแก้ไข พ.ร.ก. เดิม ซึ่งสามารถทำได้ทันที และในช่วงเวลาดำเนินการนั้น ผมได้เสนอให้ทางบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้เข้ามาชวยคลี่คลายวิกฤตของเอสเอ็มอีขนาดเล็กแบบเฉพาะหน้าไปก่อน ด้วยสินเชื่อและมาตรการที่เหมาะสมต่อเอสเอ็มอีที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด ซึ่งถือว่าเป็นการต่อลมหายใจเบื้องต้น ก่อนที่สินเชื่อ 5 แสนล้านจะได้รับการลดเพดานในการเข้าถึงลงหลังจากนี้

"ทั้งนี้จะดำเนินการเรื่องนี้ให้สำเร็จ และเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้องอดทนนะครับ ผมยืนยัน ถ้าจะรอด เราต้องรอดไปด้วยกัน เสียงของพวกคุณ ผมรับฟัง และพยายามส่งต่อเสียงนั้นเท่าที่กำลังและอำนาจหน้าที่ที่มีจะทำได้อย่างแน่นอนครับ เพราะฉะนั้น จงอย่าหมดกำลังใจ”ดร.กนก กล่าว