ไล่ส่ง "นักวิจัย" ไปรักษาหมา-แมว หลังยิงยาสลบ "พลายดื้อ"

2021-01-19 14:45:58

ไล่ส่ง "นักวิจัย" ไปรักษาหมา-แมว หลังยิงยาสลบ "พลายดื้อ"

Advertisement

ไล่ส่ง "สัตว์แพทย์เขาใหญ่" รักษาหมา-แมว ปมยิงยาสลบ-ใส่ปลอกคอ "พลายดื้อ" เพิ่มความดุร้าย

เปิดรายละเอียดโครงการ "เราชนะ" ครอบคลุม 31.1 ล้านคน

ยื่นขอผ่อนผันเปิดร้านนวด กระทบหนักไม่มีรายได้แต่ต้องจ่ายค่าเช่า

ครม.ไฟเขียว"คนละครึ่ง"รอบเก็บตก ลงทะเบียนพรุ่งนี้

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "วายุ ยมจินดา" โพสต์รูปภาพ "เจ้าดื้อ" ช้างป่าเขาใหญ่ ซึ่งมีการกล่าวอ้างว่าบุกทำร้ายนักท่องเที่ยวขณะกางเต๊นท์อยูที่ผากล้วยไม้ พร้อมระบุข้อความ ว่า ปกติเจอช้างป่า ผมจะถ่ายด้วยความสุข แต่ครั้งนี้ผมถ่ายพลายดื้อ ด้วยความโกรธ พวกเราคนรักช้างและถ่ายภาพสัตว์ป่าบนเขาใหญ่ พยายามหาหลักฐานจับโป๊ะนักวิจัยมาหลายวัน วันแรกที่เกิดเรื่อง อ้างพลายดื้อ ตกมัน มีส้มโอในเต๊นท์ ไม่ชอบสีเต๊นท์เลยก่อเรื่อง ซึ่งโกหกทั้งหมด ดักยิงยาสลบใส่ปลอกคอ 9 ม.ค.64 เกิดเรื่อง 15 ม.ค.64 จีพีเอสที่คอก้อต้องหาคลื่นแล้วส่งไปแอฟริกาแล้วส่งกลับมาอีกที พวกคุณทำอะไรกัน อยู่ๆ ไปดักยิงยาช้างตัวดุ เขาก้อเพิ่มความดุขึ้นมาอีกขั้น นักวิจัยคุณทำลายเส้นบางๆ ที่พลายดื้อ มีต่อมนุษย์ลง คุณไม่ศึกษาพฤติกรรมช้างเขาใหญ่ก่อนลงมือ คุณยิงยาตัวที่เจอทันที ปลอกคอก้อรัดแน่น ที่สำคัญผมเข้าใจผิดมาตลอดว่า สัตว์แพทย์เขาใหญ่มีหน้าที่ดูแลปกป้องรักษาสัตว์ป่าบนเขาใหญ่ ไม่มีอุดมการณ์รักษ์เขาใหญ่ ก้อไปรักษาหมาแมวซะ

สอดคล้องกับ ดร.ศุภกิจ วินิตพรสวรรค์ จากกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เควให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณี พลายดื้อ ทำร้ายนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต โดยให้เหตุผล ว่า

1.พี่ดื้อทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิต อาจเกิดจากการบังคับติดปลอกคอ GPS ให้น้ำหนักไปที่การจับบังคับ ไม่ใช่ปลอกคอ อยากถามว่าถ้ามีคนหนึ่งที่ท่านคิดว่าเป็นศัตรูมาทำร้ายท่านแล้วเอาอะไรสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาคล้องคอท่านไว้ ท่านจะสบายใจอยู่กับสิ่งนั่นไหม ท่านไม่ระแวงเลยหรือคะ ว่าสิ่งแปลกปลอมเป็นอันตราย

2.ช้างป่าติดปลอกคอ GPS เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2564 โดยปกติหลังจากติดปลอกคอสัญญาณก็จะเริ่มทำงานทันที เจ้าหน้าที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด 3-4 วัน หลังจากนั้นจะเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แต่หัวหน้าเขาใหญ่ท่านให้สัมภาษณ์ ว่า มีการขออนุญาตติดปลอกคอพี่ดื้อ แต่ยังไม่ได้เปิด GPS หมายความว่า หลังจากติดก็ให้พี่ดื้อเดินบ้าเร่ร่อน ไม่มีการติดตามเลย ไม่เฝ้าระวังอะไรเลย ตามบทบาทหน้าที่ของนักวิจัยที่ควรจะทำ ปล่อยให้พี่ดื้อ โกรธ หวาดระแวงจนมาเกิดเหตุสลดขึ้นในวันที่ 15 ม.ค. และพยามโทษว่าช้างตกมัน ช้างผสมพันธุ์ และสุดท้ายไปลงที่ส้มโอเป็นเหตุ

3.แม้โครงการนี้ไม่ใช่ของกรมอุทยานฯ แต่การจะปล่อยให้ใครมาทำอะไรในอุทยานฯ ก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ เป็นคนกำกับดูแล ก็คงเป็นหน้าที่ของกรมอุทยานฯ ในการสอบสวน และมีมาตรการลงโทษผู้เป็นมูลเหตุให้เกิดเหตุการณ์สลดนี้ จากความประมาทเลิ่นเล่ออย่างร้ายแรง