ตราบาปก่อนพ้นตำแหน่ง ร้องถอดถอน "ทรัมป์" ฐานปลุกม็อบบุกสภา

2021-01-08 07:40:58

ตราบาปก่อนพ้นตำแหน่ง ร้องถอดถอน "ทรัมป์" ฐานปลุกม็อบบุกสภา

Advertisement


บรรดาผู้นำ 2 สภาของสหรัฐ คือทั้งสภาล่าง หรือสภาผู้แทนราษฎร และสภาสูง หรือวุฒิสภา ต่างออกมาเรียกร้องให้ถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากม็อบที่สนับสนุนเขาก่อเหตุจลาจลบุกยึดอาคารรัฐสภาเพื่อยับยั้งกระบวนการรับรองให้นายโจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ ทั้งนี้ มีกระแสเรียกร้องมากขึ้นให้ปลดทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรคของพรรคเดโมแครตของนายไบเดน แต่ก็มีสมาชิกของพรรครีพับลิกัน 1 หรือ 2 คนเข้าร่วมด้วย

โดยวุฒิสมาชิก ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากของพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาชุดใหม่ที่จะเริ่มการประชุมครั้งใหม่ในปลายเดือนนี้ กล่าวว่า ทรัมป์ควรจะถูกถอดออกจากตำแหน่งทันที เขาไม่ควรจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้แต่วันเดียว เขาขู่เริ่มกระบวนการถอดถอน หรืออิมพีชเมนต์ หากคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ไม่ยอมปลดเขาออกจากตำแหน่ง โดยใช้กฎหมาย "บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25" ซึ่งอนุญาตให้รองประธานาธิบดีรับหน้าที่แทนได้ หากประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากล้มป่วยทางใจ หรือแม้แต่ทางกาย



ในบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 นี้ จะกำหนดให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และสมาชิกคณะรัฐมนตรีอย่างน้อย 8 คน แสดงจุดยืนแตกหักกับทรัมป์ และทำหนังสือยืนยันความเห็นพ้องเช่นนั้นไปยังประธานวุฒิสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสิ่งที่จนถึงขณะนี้ พวกเขาคงไม่มีการดำเนินการตามนี้

ขณะที่แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ทรัมป์ควรจะถูกอิมพีช หรือถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทรัมป์เป็นบุคคลอันตรายมาก และว่านี้คือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด นางเปโลซี เปิดทางเลือกในการอิมพีชเมนต์ หากคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ไม่เริ่มดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายของ “บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25”



ก่อนหน้านี้ ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า ไม่มีใครสามารถบอกเขาได้ว่า หากผู้บุกรุกอาคารรัฐสภาในวันนั้น เป็นผู้ประท้วงจากกลุ่ม Black Lives Matter ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรัมป์แล้ว พวกเขาจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างไปมากกว่ากลุ่มอันธพาที่บุกอาคารรัฐสภา

ส่วนตัวทรัมป์ยังคงปิดปากเงียบเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันพุธ นายอาดัม คินซิงเกอร์ ส.ส.จากรัฐอิลลินอยส์ กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรครีพับลิกันกลุ่มแรก ที่ออกมาเรียกร้องให้ใช้บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 โดยกล่าวว่า “ในที่สุดแล้ว ไฟที่ถูกจุดโดยประธานาธิบดีก็จะลุกลามออกจากกระทะ” ขณะที่ ผู้ว่าการรัฐของพรรครีพับลิกัน จากรัฐแมรีแลนด์และเวอร์มอนท์ ก็เรียกร้องให้ปลดทรัมป์ออกจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน

สมาชิกพรรคเดโมแครตในคณะกรรมาธิการยุติธรรมสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า การกระทำของทรัมป์ตรงกับข้อกำหนดในบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 แต่ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เลื่อนการประชุมออกไปจนถึงช่วงหลังนายไบเดน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยทั้ง 2 สภาจะต้องจัดการประชุมกันเพื่อเริ่มกระบวนการถอดถอน หรืออิมพีชเมนต์

มีผู้เสียชีวิต 4 คน ระหว่างเกิดเหตุจลาจล และขณะนี้ ถูกจับกุมตัวไปแล้ว 68 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่ไม่สามารถหยุดยั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุจลาจลที่บุกรุกเข้าสู่อาคารรัฐสภาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงในสภาผู้แทนราษฎร ก็พากันลาออกไปแล้วในขณะนี้



หัวหน้าตำรวจประจำรัฐสภา หรือยูเอสซีพี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของเขาได้เผชิญหน้ากับพฤติกรรมก่อความรุนแรงเยี่ยงอาชญากร และเขาระบุว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ถือเป็น “วีรบุรุษ” อย่างไรก็ตาม นางเปโลซี ก็เรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง

ด้านหัวหน้าสำนักงานตำรวจกรุงวอชิงตัน โรเบิร์ต คอนตี ระบุว่า มีผู้ถูกจับกุม 47 รายในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิวของนายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน มิวเรียล เบาเซอร์ ในจำนวนนี้มี 26 รายที่ถูกจับกุมในบริเวณอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ขณะที่อีก 5 รายถูกจับกุมในข้อหาไม่มีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน หรือมีอาวุธปืนต้องห้ามอยู่ในครอบครอง นอกจากนี้ ตำรวจพบระเบิดแบบประกอบขึ้นเอง 2 ชุดจากที่ทำการใหญ่ของคณะกรรมาธิการพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต รวมทั้งระเบิดขวดหลายลูกในถังใส่น้ำแข็งบนรถยนต์คันหนึ่งใกล้กับอาคารรัฐสภา

สำหรับผู้เสียชีวิต 4 รายนั้น หนึ่งรายคือสตรีที่ถูกตำรวจประจำรัฐสภายิงเสียชีวิต อีกสามรายเป็นการเสียชีวิตเนื่องจากสาเหตุทางการแพทย์ และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 14 ราย ในจำนวนนี้มีสองรายถูกส่งไปโรงพยาบาล แต่ตัวเลขนี้เป็นส่วนของผู้ที่ถูกจับกุมโดยตำรวจกรุงวอชิงตันเท่านั้น ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายในส่วนของรัฐบาลกลางและตำรวจประจำรัฐสภาสหรัฐฯ แต่อย่างใด



ส่วนนายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ได้ขอให้ประชาชนช่วยระบุตัวผู้ที่ร่วมในเหตุการณ์ก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาในวันพุธ ซึ่งจำนวนมากไม่ได้สวมหน้ากากและเปิดเผยใบหน้าอย่างโจ่งแจ้งตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การติดตามจับกุมตัวต่อไป