นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ กล่าวยอมรับว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติระยะ 5 ปีของเขา ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และ “ล้มเหลวเกือบทุกภาคส่วน”
คิม กล่าวในระหว่างพิธีเปิดการประชุมใหญ่พรรคคนงาน หรือรัฐบาลเกาหลีเหนือ ในเมืองหลวงกรุงเปียงยาง เมื่อวันพุธ (6 ม.ค.) ซึ่งเป็นการประชุมที่เกิดขึ้นได้ยาก และครั้งนี้เป็นเพียงครั้งที่ 8 ในประวัติศาสตร์ของประเทศ
เกาหลีเหนือปิดเขตแดนทุกช่องทาง เมื่อเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้ทางการเปียงยางจะประกาศอ้างว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อหรือเสียชีวิต จากไวรัสมรณะ ในประเทศแม้แต่คนเดียว
การปิดประเทศ ทำให้เกาหลีเหนือต้องตัดขาดการติดต่อกับจีน ประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรรายสำคัญ ส่งผลให้การค้าขายระหว่าง 2 ประเทศลดลงประมาณ 80 % นอกจากนั้น พายุไต้ฝุ่นหลายลูก และน้ำท่วม สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน และพืชผลทางการเกษตรในวงกว้าง ขณะที่เกาหลีเหนือยังตกอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติอย่างเข้มงวด จากปัญหาโครงการนิวเคลียร์
ไม่ใช้เรื่องแปลก ที่คิม จอง-อึน จะยอมรับความผิดพลาด และตามจริงแล้ว มันได้กลายเป็นหนึ่งในปกติวิสัยของเขาอย่างรวดเร็ว
คลิปภาพข่าวจากทีวี แสดงให้เห็นบรรยากาศภายในหอประชุม ในกรุงเปียงยาง เต็มไปด้วยคณะผู้แทนพรรคคนงานหลายพันคน จากทุกภาคส่วนและทุกจังหวัดของประเทศ ทุกคนไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัย ลุกขึ้นยืนปรบมือต้อนรับ เมื่อคิมเดินเข้าสู่ห้องประชุม
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุม คิมกล่าวว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ที่เขาประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ. 2559 “ประสบความล้มเหลวอย่างมหาศาล เกือบทุกภาคส่วน” และความผิดพลาดเหล่านี้ จะต้อง “ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา” พร้อมกับเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เน้นการพัฒนาแบบ “พึ่งพาตนเอง” ให้มากขึ้น และขอบคุณเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพรรคคนงาน ที่ต่อสู้กับภัยคุกคามของไวรัสโคโรนา
คาดว่าคิมจะใช้การประชุมครั้งนี้ ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปีฉบับใหม่ ความเห็นของคิมมีขึ้นเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ก่อนที่นายโจ ไบเดน จะเข้าพิธีสาบานตน รับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ต่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่คิมมีความสัมพันธ์อบอุ่นเป็นการส่วนตัว แม้ว่าการเจรจาปัญหาโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ระหว่างเปียงยางกับวอชิงตัน จะมีความคืบหน้าน้อยมาก.