จุดจบ"ผอ.กอล์ฟ"บุกเดี่ยวกราดยิงชิงทองที่ลพบุรี

2020-12-31 11:30:47

จุดจบ"ผอ.กอล์ฟ"บุกเดี่ยวกราดยิงชิงทองที่ลพบุรี

Advertisement

ย้อนคดี "ผอ.กอล์ฟ" บุกเดี่ยว กราดยิงชิงทองกลางห้างดังเมืองลพบุรี ก่อนจนมุม ตร.กองปราบปราม


เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดเมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 9 ม.ค.2563 ที่ร้านทองออรอร่า อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เลขที่ 55 หมู่ 4 ต.กกโก อ.เมือง จ.ลพบุรี ส่งผลให้คนที่เดินจับจ่ายใช้สอยต่างวิ่งหนีตายกันอลม่าน ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชายสวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ สวมกางเกงลายพราง สวมหมวกคลุมหน้า สะพายเป้สีแดงขาว ใช้อาวุธปืนจี้ชิงทองก่อนกราดยิงทั้ง รปภ. พนักงานขายทอง คนดูแลร้าน และคนที่มาเดินห้าง แต่ที่น่าสลดใจ คือ เด็กชายวัย 2 ขวบลูกหลงเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 4 ราย จากนั้นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีขาวแดง หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว


ผ่านไป 3 วัน ยังไม่มีวี่แววหรือเบาะแสของคนร้าย พล.ต.ท. อำพล บัวรับพร ผบช.ภาค 1 จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รอยต่อ จ.ลพบุรี, พระนครศรีอยุธยา และสิงห์บุรี เข้าตรวจสอบตามโรงแรมและรีสอร์ทต่างๆ เพื่อสืบหาคนร้ายที่มีรูปพรรณสันฐานตรงกับกล้องวงจรปิด กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 11 ม.ค.2563 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ จ.ลพบุรี เพื่อติดตามคดีด้วยตนเอง พร้อมยืนยันจะจับกุมคนร้ายให้ได้ภายใน 7 วัน


กระทั่งวันที่ 22 ม.ค.2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้บุกค้นบ้านและตรวจค้นโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี หลังมีเบาะแสว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุรับราชการครู และเป็น ผอ.โรงเรียน จนช่วงบ่ายของวันเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ แถลงข่าวยืนยันว่าสามารถจับกุมคนร้ายกราดยิงชิงทองภายในห้างที่ จ.ลพบุรี ได้แล้ว


ส่วนเบื้องหลังของการจับกุมในครั้งนี้เกิดจาก พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.ในขณะนั้น สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.อ.วิจักษ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกองปราบปราม ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนแกะรอยผู้ต้องหารายนี้ กระทั่งประมาณ 1 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีของกองปราบปราม ได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีโดยชี้เป้าว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็น นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อายุ 38 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี เจ้าหน้าที่จึงเข้าพิสูจน์ทราบ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานโดยใช้เวลาสืบสวนประมาณ 7 วันจึงพบกับหลักฐานหลายอย่าง โดยเฉพาะอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเกี่ยวพันกับ นายประสิทธิชัย นอกจากนี้ยังพบหลักฐานอื่นๆ ซึ่งเชื่อมโยงว่า นายประสิทธิชัย เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนประสานให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ขออำนาจศาลออกหมายจับ นายประสิทธิชัย ในช่วงค่ำของวันที่ 21 ม.ค.2563




รายงานข่าวแจ้งว่า หลังศาลอนุมัติหมายจับ พล.ต.ต.จิรภพ สั่งการให้ พ.ต.อ.วิจักษ์ นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.สนับสนุน บก.ป. หรือ ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ตามแกะรอยจนรู้ที่กบดานของ นายประสิทธิชัย ซึ่งพักอยู่ที่บ้านในพื้นที่ จ.ลพบุรี จึงจัดกำลังพร้อมยุทโธปกรณ์ครบมือเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งช่วงเช้าของวันนี้ 22 ม.ค. พบ นายประสิทธิชัย ขับรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่นซีรีย์ 5 สีดำ หมายเลขทะเบียน 7กณ493 กทม. ไปสอนหนังสือที่โรงเรียนโพธิ์ชัยสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี ใน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.สนับสนุน บก.ป. จึงขับรถติดตามจนไปถึงทางหลวงสาย 311 ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม โดย นายประสิทธิชัย ไม่มีท่าทีขัดขืนหรือต่อสู้เจ้าหน้าที่ แต่จากการตรวจค้นภายในรถไม่พบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พบเพียงกระสุนปืนขนาด 9 มม.หลายนัด เมื่อตรวจสอบจึงพบว่าเป็นกระสุนปืนขนาดเดียวกันกับที่พบในที่เกิดเหตุจึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัว นายประสิทธิชัย ไปยังสถานีตำรวจท่องเที่ยว จ.ลพบุรี เพื่อทำการสอบสวน


จากการสอบปากคำ นายประสิทธิชัย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุถึงมูลเหตุที่ลงมือกราดยิงชิงทองในครั้งนี้ว่า ทำเพราะต้องการหาความท้าทาย ตื่นเต้น เนื่องจากรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นปืนยี่ห้อ ซีแซต SP 01 ซึ่งเป็นปืนของพ่อที่เป็นอดีตตำรวจ โดยหลังก่อเหตุได้นำไปคืนพ่อในวันรุ่งขึ้น ส่วนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฟีโน่ สีแดง ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถของพ่อตา ซึ่งนำไปคืนให้กับพ่อตาแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายประสิทธิชัย พบทองคำที่ถูกจี้ชิงมาถูกซุกซ่อนอยู่ในโรงเก็บรถ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมทองที่ตรวจยึดได้ส่งคืนเจ้าทุกข์


วันที่ 23 ม.ค.2563 ผบ.ตร. เปิดแถลงข่าวการจับกุม นายประสิทธิชัย และไม่นำตัวไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาอาจโดนชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ จึงนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาทันที


วันที่ 27 ส.ค.2563 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีหมายเลขดำ อ.409/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายประสิทธิชัย ซึ่งตกเป็นจำเลยในความผิด 9 ข้อหาหนัก โดยศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้ออ้างที่จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาลว่าเป็นความคิดชั่ววูบเพราะมีปัญหาหนี้สินจำนวนมากนั้นฟังไม่ขึ้น เนื่องจากจำเลยมีการเตรียมการ และใช้อาวุธปืนใส่ที่เก็บเสียงยิงไปที่ รปภ. ห้างโรบินสัน และกระสุนทะลุไปโดน ดช.ภาณุวิชญ์ จนเสียชีวิต ศาลถือว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดต่อเด็กด้วย ส่วนที่จำเลยขอให้ลงโทษสถานเบาเพราะภายหลังก่อเหตุเกิดความสำนึกเสียใจยอมให้จับกุม ประกอบกับเคยทำคุณงามความดีมาก่อนนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยไม่ได้มอบตัว และไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาหลักฐาน คำให้การของจำเลยจึงไม่เป็นให้ประโยชน์ จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ และที่จำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นภัยร้ายแรงคุกคามสังคม จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องหลายกรรมต่างกัน จึงพิพากษาให้ลงโทษทุกกรรมและรวมโทษทุกกระทง ให้คงประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ปรับ 1,000 บาท พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียทุกคน รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี