"ศรีสุวรรณ" จี้ ป.ป.ช.สอบนักการเมืองเจ้าของร่วมเรือยอร์ช

2020-12-28 12:50:16

"ศรีสุวรรณ" จี้ ป.ป.ช.สอบนักการเมืองเจ้าของร่วมเรือยอร์ช

Advertisement

"ศรีสุวรรณ" จี้ ป.ป.ช.สอบนักการเมืองเจ้าของร่วมเรือยอร์ชปกปิดบัญชีทรัพย์สินหรือไม่

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.  ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องพร้อมพยานหลักฐาน เพื่อขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบนักการการเมือง มีเจตนาปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินซึ่งควรต้องแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบและมีพฤติการณ์ อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินหรือไม่  ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่สื่อมวลชนได้รายงานว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ เรือยอร์ชเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ชึ่งจอดลอยลำอยู่ที่ท่าจอดเรืออ่าวปอแกรนด์ มารีน่า ต.อ่าวปอ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งมีเพจชื่อดังและสื่อมวลชนได้รายงานว่าเจ้าของเรือสำราญดังกล่าวมีรายชื่อเป็นเจ้าของร่วมอยู่ 4 คน และหนึ่งในรายชื่อดังกล่าว ปรากฏชื่อนักการเมือง  นอกจากนี้ยังรายงานด้วยว่าเรือนี้จดทะเบียนที่หมู่เกาะคุก ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของประเทศนิวซีแลนด์ กรณีดังกล่าวเป็นที่สงสัยกันอย่างมากว่า นักการเมืองดังคนดังกล่าวไปจดทะเบียนเรือหรูดังกล่าวในหมู่เกาะดังกล่าวเพื่อหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ และมีเหตุผลใดจึงไปจดทะเบียนเรือในดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นเขตปลอดภาษี และเป็นเกาะที่โด่งดังเรื่องการฟอกเงินด้วย นอกจากนั้น เมื่อตรวจสอบไปยังบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นไว้ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. รวมคู่สมรสนั้นพบว่า ได้ระบุชัดเจนว่า มีเรือยอร์ชอยู่ด้วย แต่มีข้อผิดสังเกตที่ช่องทะเบียน และจังหวัด ไม่มีการระบุอะไรไว้ทั้งสิ้น จะมีก็แต่เพียงวันที่ซื้อมา และแจ้งราคาไว้มูลค่า 10 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดอื่นๆไม่ปรากฏแต่อย่างใด แต่เมื่อพิจารณาเอกสารการจดทะเบียนเรือพบว่านักการเมืองมีสัดส่วนการเป็นเจ้าของเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หรือประมาณ 2 ล้านบาท แต่ทำไมจึงแจ้งมูลค่าเรือเป็นจำนวนเต็ม เข้าข่ายเป็นการปกปิดหรือไม่ด้วย

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมหลักฐานมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนนักการเมืองคนดังกล่าวว่ามีเจตนาปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนเองซึ่งควรต้องแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบและมีพฤติการณ์ อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. 2561 ม.28(3) ประกอบ ม.102 ม.105 ม.111 วรรคสอง ม.114 หรือไม่ หากวินิจฉัยว่าเข้าข่ายให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง เพื่อวินิจฉัยเอาผิดตาม ม.167 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับต่อไป