ทั่วโลกห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษเข้าประเทศ หลังพบโควิดกลายพันธุ์

2020-12-22 07:30:42

ทั่วโลกห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษเข้าประเทศ หลังพบโควิดกลายพันธุ์

Advertisement


หลายประเทศทั่วโลกปิดพรมแดนไม่รับผู้คนที่เดินทางจากสหราชอาณาจักรเข้าประเทศตั้งแต่วันจันทร์ เนื่องจากเกรงกลัวการระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่รุนแรงกว่าเดิม ส่งผลให้การเดินทางโกลาหล และเพิ่มโอกาสที่จะเกิดปัญหาการขาดแคลนอาหารหลายวันก่อนอังกฤษจะถึงกำหนดเส้นตายออกจากสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิต

เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป หรืออียู กำลังหารือถึงการกำหนดมาตรการร่วมในการตอบโต้ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่ระบาดรุนแรงและรวดเร็วมากขึ้นในสหราชอาณาจักร ซึ่งทำให้หลายประเทศทั่วโลกห้ามการเดินทางจากสหราชอาณาจักรเข้าประเทศ โดยแคนาดาและอินเดีย เป็น 2 ชาติล่าสุดที่กระโจนเข้าร่วมกับประเทศในอียู ห้ามเที่ยวบินโดยสารจากสหราชอาณาจักรเข้าประเทศ



เมื่อวันอาทิตย์ ประเทศยุโรปเกือบ 20 ประเทศ ทั้งเยอรมนี, ฝรั่งเศส, โปแลนด์, สวีเดน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ออสเตรีย, บัลแกเรีย, โรมาเนีย, มอลตา, โครเอเชีย, ลิทัวเนีย, ลัตเวีย, เอสโตเนีย, อิตาลี, ไอร์แลนด์, สเปนและเนเธอร์แลนด์ ประกาศห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษเข้าประเทศ โดยฝรั่งเศสยังสั่งห้ามประชาชนจากสหราชอาณาจักรเดินทางเข้าประเทศทางช่องแคบอังกฤษเป็นเวลา 48 ชั่วโมงจากเที่ยงคืนวันอาทิตย์ ทำให้ประชาชน, รถบรรทุกสินค้าและพัสดุสิ่งของจำนวนมากตกค้างอยู่ที่เมืองท่าโดเวอร์ในสหราชอาณาจักร

ส่วนอิตาลีห้ามเที่ยวบินโดยสารทั้งหมดจากสหราชอาณาจักรไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม ขณะที่เนเธอร์แลนด์ ห้ามเที่ยวบินโดยสารจากสหราชอาณาจักรจนถึงวันที่ 1 มกราคมเป็นอย่างช้าที่สุด และเนเธอร์แลนด์ยังห้ามเรือเฟอรีข้ามฟากจากสหราชอาณาจักรด้วย แม้ว่าการขนส่งสินค้าจะยังคงดำเนินต่อไปได้ ด้านเบลเยียม ระงับเที่ยวบินและรถไฟจากสหราชอาณาจักรจนถึงสิ้นสุดวันอังคาร และกรีซขยายเวลากักตัวสำหรับผู้เดินทางจากสหราชอาณาจักรจาก 3 วันเป็น 7 วัน



ส่วนประเทศอื่นๆ ประกาศห้ามเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรเข้าประเทศเช่นกัน เช่น แคนาดาที่ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าจะระงับเที่ยวบินจากอังกฤษเป็นเวลา 72 ชั่วโมง นอกจากนี้ อินเดีย, ปากีสถาน, รัสเซีย, อาร์เจนตินา, ชิลี เอลซัลวาดอร์, อิหร่าน, อิสราเอล, จอร์แดน, ซาอุดีอาระเบีย, คูเวต, โอมานและฮ่องกง ก็ประกาศห้ามเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรเข้าประเทศอย่างเด็ดขาดด้วย

การประชุมของเจ้าหน้าที่อียู 2 รอบ จัดขึ้นในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมในวันจันทร์ โดยมีบรรดารัฐมนตรีสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่อื่นของคณะรับมือวิกฤตโควิด-19 ของอียู เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ยังไม่ได้มีการตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการอะไรในการตอบโต้เพิ่มเติม จนกว่าจะถึงวันอังคาร ซึ่งจะเป็นวันที่บรรดาเอกอัครราชทูตอียู เข้าร่วมประชุมด้วย

ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ เป็นสายพันธุ์ใหม่ เชื่อกันว่า เชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์นี้สามารถติดต่อได้ง่ายกว่าเชื้อไวรัสชนิดก่อนราว 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีความอันตรายมากกว่าสายพันธุ์เดิมหรือไม่ และยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า ดื้อต่อวัคซีนที่กำลังแจกจ่ายอยู่หรือไม่

นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นายบอริส จอห์นสัน แถลงว่า เขาได้พูดคุยที่ “ยอดเยี่ยม” กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และมีความกระตือรือร้นที่จะหาทางแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว



เขากล่าวด้วยว่า เขาต้องการย้ำให้เห็นว่า ทุกคนในสหราชอาณาจักรเข้าใจถึงความวิตกกังวลของมิตรประเทศเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ แต่ต้องรู้ความจริงด้วยว่า ความเสี่ยงของการแพร่เชื้อนั้นยังอยู่ในวงจำกัดและช้ามาก เพราะฉะนั้น เรายังมีความหวังที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าในการแก้ปัญหา ด้านนายแมทท์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ไวรัสโควิดกลายพันธุ์ “อยู่เหนือการควบคุม” ขณะที่ เดนมาร์ก, อิตาลีและเนเธอร์แลนด์ ประกาศว่า ตรวจพบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในประเทศแล้ว ซึ่งหลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ในเดนมาร์ก ประเทศสวีเดนห้ามผู้เดินทางชาวต่างชาติทั้งหมดจากเดนมาร์กเดินทางเข้าประเทศทันที

การค้นพบโควิด-19 กลายพันธุ์ เพียงไม่กี่เดือนก่อนคาดว่าจะมีวัคซีนใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งก็สร้างความตื่นตระหนกครั้งใหม่ ในการระบาดของโควิด ที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกแล้วประมาณ 1.7 ล้านราย และในอังกฤษมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 67,000 ราย

ในวันจันทร์เช่นกัน องค์การยาของสหภาพยุโรป หรือ EMA (European Medicines Agency) ก็ได้อนุมัติวัคซีนโควิดของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เพื่อใช้ฉุกเฉินในประเทศสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศ และคาดว่าจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนได้ในวันที่ 27 ธันวาคม หลังมีการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคในสหราชอาณาจักรและในสหรัฐไปแล้ว



ด้านนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐ ใช้มาตรการป้องกันไวรัสโควิดกลายพันธุ์เข้าสหรัฐ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 318,000 ราย โดยเขาบอกว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการเร่งด่วน เพราะวันนี้ โควิดสายพันธุ์ใหม่กำลังโดยสารมากับเครื่องบินและลงจอดที่สนามบินเจเอฟเค แต่สหรัฐยังไม่ได้ตัดสินใจห้ามการเดินทางดังกล่าว