"นิพนธ์"ถกเข้มแก้วิกฤต PM 2.5

2020-12-16 18:40:20

"นิพนธ์"ถกเข้มแก้วิกฤต PM 2.5

Advertisement

"นิพนธ์"ถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้วิกฤต PM 2.5 คุมเข้มก่อสร้าง รถยนต์ก่อมลพิษ 

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 ธ.ค. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นทีกทม. และปริมณฑล โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม

นายนิพนธ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์ PM 2.5ในพื้นที่ กทม.และเขตปริมณฑล ที่มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชนจึงได้สั่งการในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมาให้รัฐนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เร่งรัดแก้ไขเพื่อบรรเทาปัญหา PM2.5 และลดผลกระทบด้านสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวันให้มากที่สุด โดยได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยจัดประชุมเพื่อติดตาม และดำเนินการหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM.2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นการเร่งด่วน ทั้งนี้ได้สั่งการถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาPM 2.5ในพื้นที่ กทม.และจังหวัดในขตปริมณฑลให้ดำเนินการ ดังนี้ 1. ให้ถือปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 เป็นหลัก ในการอำนวยการสั่งการควบคุมและแก้ไขปัญหา PM2.5ร่วมกับกฎหมาย และแผนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 2.ข้อให้ทบทวนและจัดทำแผนผชิญเหตุสำหรับใช้แก้ปัญหาในพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับการจัดทำรายละเอียดการแบ่งพื้นที่ การกำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนตลอดจนการจัดชุดปฏิบัติกรที่สามารถข้าไปยังจุดที่ก่อให้เกิดการเผา หรือการเกิด PM2.5ได้อย่างครอบคลุมในทุกพื้นที่ 3.เน้นย้ำการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ตันทาง โดยบูรณาการหน่วยงานรับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งการการควบคุมและลดมลพิษจากยานพาหนะ การควบคุและลดมลพิษจกการก่อสร้าง การควบคุมและลดมลพิษจากอุตสาหกรรม การควบคุมและลดมลพิษจากภาคครัวเรือน

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า 4.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเร่งสร้างความเข้มแข็ง และเสริมสร้างความรู้ให้ผู้นำชุมชนประชาชนจิตอาสา และอาสาสมัคร ในการสร้างเครือข่ายการเฝ้าระวัง ติดตาม และตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งขยายเครือข่ายเพื่อแจ้งเตือน และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทราบถึงสถานการณ์ที่ถูกต้อง 5.ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงผลกระทบจากการดำเนินกิจกรรมที่ก่อให้เกิด PM2.5 พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจถึงสถานการณ์ ข้อมูลด้านสุขภาพ แนวทางปฏิบัติในการดูแลสุขภาพของประชาชนของกระทรวงสาธารณสุข มาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ และข้อกฎหมายให้กับประชาชนเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองของพื้นที่ และหากสถานการณ์ฝุ่นละอองอยู่ในภาวะที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน ให้บูรณาการหน่วยงานในการให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็ว เช่น การแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่ประสบปัญหามลพิษทางอากาศ การกวาดล้างทำความสะอาดถนน โดยยังคงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสนับสนุนมาตรการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่ โดยในวันที่ 17 ธ.ค.  กทม. ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรม Big Cleaning Day ฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมตรวจจับยานพาหนะที่มีควันดำเป็น 50 จุดทั่ว กทม.ซึ่งกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของมลภาวะมาจากยานพาหนะ รวมถึงการควบคุมในกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นในพื้นที่ก่อสร้างต่างๆ พร้อมประสานจังหวัดปริมณฑลดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัดอย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนใช้รถโดยสารสาธารณะ งดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อป้องกันสถานการณ์มิให้รุนแรงมากขึ้นอีกด้วย"