หวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์ งดนำตัว “ไอ้คลั่ง” ทำแผน

2020-12-06 14:50:27

หวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์ งดนำตัว “ไอ้คลั่ง” ทำแผน

Advertisement

ผู้การอุดรฯ แจงเหตุไม่นำตัว “ไอ้คลั่ง” ทำแผนหวั่นโดนรุมประชาทัณฑ์

วันที่ 6 ธ.ค. เวลา 08.00 น. ที่ห้องประชุมคำชะโนด ชั้น 2 อาคาร 2 ศาลากลาง จ.อุดรธานี นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ,รอง ผวจ.อุดรธานี , นายก ทน.อุดรธานี , ผอ.รพ.อุดรธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมศูนย์ปฏิบัติการณ์กรณีพิเศษ ติดตามเหตุนายอิธิพล อิ่มผึ่ง อายุ 31 ปี ราษฎร บ.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ใช้อาวุธมีดไล่ทำร้ายผู้คนตามถนนในเขต ทน.อุดรธานี เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 6 ราย

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี แจ้งที่ประชุมว่า ผู้ต้องหาก่อเหตุ 7 ครั้ง เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 6 ราย จุดแรกสี่แยกหลังเรือนจำเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย จากนั้นเลี้ยวรถไปตามถนนนเรศวร ก่อเหตุหน้าร้านเรื่องของปู แล้วขี่ จยย.ย้อนกลับมาสี่แยกเดิม เลี้ยวซ้ายไปตามถนนศรีชมชื่น มาก่อเหตุอีกที่หน้ามัสยิด จากนั้นขี่ จยย.ไปก่อเหตุหน้า รร.บ้านหมากแข้ง ถ.อำเภอ จากนั้นเลี้ยวขวามาตามถนนศรีสุข ผ่านอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ฯ เข้ามาถนนสุรการ ก่อเหตุก่อนถึงสี่แยกท็อปเวิร์น เสียชีวิตรายที่ 2 จากนั้นขี่ จยย.ไปก่อเหตุต่อที่หน้าทางเข้ามูลนิธิส่งเสริมธรรม ถ.โพศรี และที่หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถ.ประจักษ์ จนมาถูกตำรวจจับกุมได้ก่อนถึงวงเวียนเฉลิมพระเกียรติ ถ.ประจักษ์ฯ




“จากการพูดคุยกับผู้ต้องหา ไม่พบว่ามีอาการทางประสาท โดยเจ้าตัวระบุว่าเสพยาบ้ามา จึงได้ส่งตัวมาตรวจที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี ทั้งในเรื่องตรวจสารเสพติด และสารมึนเมาอื่นๆ ซึ่งยังต้องขอผลการตรวจอยู่ รวมทั้งให้แพทย์จิตเวชตรวจ เมื่อตรวจไม่พบอาการทางจิต ช่วงเกิดเหตุอ้างจำอะไรไม่ได้ ได้สอบถามถึงสาเหตุ เพราะผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นหญิง 7 คน ชายเพียงคนเดียว แต่ยังไม่รู้ถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยตำรวจจะไม่เอาตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ เพราะชาวบ้านยังมีอารมณ์โกรธแค้นอยู่”

พญ.ฤทัย วรรธนวินิจ ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี และจิตแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี ระบุว่า ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการรักษา จากอาการบาดแผลที่เกิดขึ้น อนุญาตให้เดินทางกลับบ้าน พร้อมเสนอให้ลดความโกรธของสังคม และหาทางป้องกัน ส่วนการตรวจผู้ต้องหาทางจิตเวช ที่อ้างว่าเคยเข้ารับการรักษาอาการทางจิต ตรวจสอบไม่พบประวัติที่อุดรธานี และที่อ้างว่าไปตรวจรักษาที่ จ.ปราจีนบุรี ก็ตรวจสอบไปไม่พบประวัติการรักษาเช่นกัน การตรวจสภาพทั่วไปไม่พบอาการป่วยทางจิต และได้นัดตรวจอีกครั้งในวันจันทร์



นพ.ทวีรัชต์ ศรีกุลวงษ์ รอง นายแพทย์ สสจ.อุดรธานี ชี้แจงว่า การให้ความช่วยเหลือใน 3 ส่วน 1.การรักษาอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้งใน รพ.อุดรธานี และการส่งต่อไปยัง รพ.ชุมชน , 2.การดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และครอบครัว ในเรื่องสุขสภาพจิตต่อเนื่อง และ 3.การแก้ปัญหาสังคมโกรธแค้นจากปัญหาสาเสพติด

ขณะที่ พมจ.อุดรธานี และบ้านพักเด็กอุดรธานี แจ้งได้ติดตามหลังเกิดเหตุ ญาติผู้เสียชีวิตยังไม่สะดวกให้ข้อมูล จะได้ติดตามให้ความช่วยเหลือเยียวยาวันนี้ รวมทั้งออกเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย ส่วนยุติธรรม จ.อุดรธานี แจ้งว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิ เงินทดแทนจากกองทุนยุติธรรมไม่เกิน 110,000 บาท รวมทั้งเหล่ากาชาดอุดรธานีเตรียมเดินทางให้กำลังใจ ผู้ได้รับผลกระทบทุกราย

นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดก็ต้องมาช่วยกันดูแล โดยเฉพาะครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ทั้งในฐานะของหน่วยงานรัฐ ที่ต้องให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว มอบหมายรองผู้ว่าฯ ปราโมทย์ ธัญพืช เป็นผู้ดูแล และในฐานะเราเป็นคนในชุมชน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องข้าวของเงินทอง แต่หมายรวมทั้งเรื่องจิตใจ เมื่อผู้รับผลกระทบเสียใจ เราจะต้องเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ส่งคนไปอยู่กับเขา คนอุดรธานีมาร่วมให้กำลังใจกัน สำหรับงานศพของผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ จะขอเข้าไปดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย



หลังการประชุม พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง ได้สอบถามผู้ต้องหา ที่มีสติสัมปชัญญะ แต่เนื่องจากทางตำรวจต้องการหลักฐานทางการแพทย์ จึงส่งตัวไปตรวจที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี ให้แพทย์ตรวจทางกายภาพ ปัสสาวะ เลือด ในร่างกาย รวมทั้งการตรวจจิตเวช ที่จะต้องมีหลักฐานประกอบในการดำเนินคดี ว่าผู้ก่อเหตุมีสติสัมปชัญญะ รู้ผิดชอบชั่วดีหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลทางการแพทย์ จึงจะยืนยันได้

“ส่วนพยานหลักฐานมีประจักษ์พยาน ภาพวงจรปิด พยานบุคคล อาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ รถจักรยานยนต์ ที่เพียงพอกับการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ ส่วนข้อหานอกจาก ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว ยังมีข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งคนเจ็บต้องรอผลจากทางโรงพยาบาล เพราะมีผู้บาดเจ็บบางรายที่บาดเจ็บเล็กน้อย หรือ ต้องมีการรักษาเกินกว่า 20 วัน ซึ่งจะเป็นเหตุผลในการแจ้งข้อกล่าวหา และผู้ต้องหาก่อเหตุหลายจุด ที่ทำร้ายผู้อื่นถึง 8 คน และในจำนวนนี้เสียชีวิต 2 คน ทางศาลอาจจะมีการพิจารณาบทลงโทษหนัก”

พล.ต.ต.พิษณุฯ เปิดเผยอีกว่า ส่วนการทำแผนประกอบสำนวน นั้นคงไม่นำผู้ต้องหาไปนำชี้ที่เกิดเหตุ เพราะต้องใช้ดุลพินิจที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากจะไปสร้างความโกธรแค้นให้กับประชาชนได้ เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ต้องระงับไว้ก่อน แต่พยานหลักฐานมีเพียงพอในการดำเนินคดี การฝากขังจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังในวันจันทร์ที่ 7 ธ.ค. เป็นการฝากขังครั้งที่ 1 และจะมีการคัดค้านการประกันตัว เพราะผู้ต้องหามีอาการไม่ปกติ ซึ่งทางศาลก็จะพิจารณาอีกครั้ง แต่ทางตำรวจก็จะค้านการประกันตัว

“เบื้องต้นได้มีการติดต่อนำญาติของผู้ต้องหามาสอบสวนคือลุง ทางเจ้าหน้าที่มีการสอบสวนพยานไว้แล้ว ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุนั้น ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมีจูงใจในเรื่องความโกธรแค้นกับเพศผู้หญิงเป็นที่ตั้ง เพราะในการก่อเหตุผุ้บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่ก็ยังไม่ทราบข้อมูลลึกว่านี้เพราะผู้ต้องหา ยังถามคำตอบคำ ซึ่งจะต้องมีการสอบสวนร่วมกับทางแพทย์ เพื่อหาแรงจูงใจที่แท้จริงของผู้ต้องหาต่อไป