"กอล์ฟ เบญจพล" เคลียร์ประเด็นไม่รับบทตลกหลังเสริมหล่อ

2020-12-04 09:50:36

"กอล์ฟ เบญจพล" เคลียร์ประเด็นไม่รับบทตลกหลังเสริมหล่อ

Advertisement

เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่ยอมเจ็บตัวทำศัลยกรรมเพื่อลดปมด้อยของตัวเองเรื่องขนาดจมูกที่ดูใหญ่ขึ้นจนถูกหลายคนทักสำหรับ "กอล์ฟ เบญจพล เชยอรุณ" และนอกจากทำศัลยกรรมจมูกเพื่อลดขนาดแล้ว คุณหมอจะได้ปรับและแก้ไขจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าให้กับนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดีอีกด้วย ซึ่งหนุ่มกอล์ฟได้มาเยือนรายการต้มยำอมรินทร์  ได้เล่าถึงที่มาที่ไปทำไมถึงทำศลัยกรรม พร้อมยังเผยว่าตัวเองถูกบูลลี่หนักถึงขนาดที่ต้องออกมาประกาศฟ้อง และเคลียร์ประเด็นไม่รับบทตลกหลังเสริมหล่อ ส่วนเรื่องทายาทนั้นปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติมีก็ดีไม่มีก็ขออยู่กันสองคนกับภรรยา



เพราะเรื่องทำหน้าใหม่ตอนนั้นคือเป็นกระแสทอล์คออฟเดอะทาวน์เลย ?

คือเราก็งงว่าทำไมข่าวของเราเป็นกระแสขนาดนั้นเพราะว่าเราก็ไม่ได้เป็นพระเอก เป็นแค่นักแสดงคนหนึ่งที่อยู่มานานมากแล้วไม่ได้สนใจอะไรเรามากแล้วช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด เราก็มองว่าไทม์ไลน์เวลาทำงานมันว่างพอดีคือ ละครที่เล่นปิดพอดี แล้วอีก 2 เดือนละครเรื่องใหม่เปิด เราเลยเช็คกับคุณหมอว่าเวลาเราได้ไหมพอได้เราเลยทำ




ความตั้งใจที่จะทำหน้าของเราคือเป็นความต้องการที่เราอยากทำมานานแล้วใช่ไหม ?

อยากทำมานานแล้วครับ อันนี้ต้องย้อนกลับไปเป็น 10 ปีแล้ว เพราะมีเพื่อนทักเราอยู่เรื่อยๆจมูกใหญ่ขึ้นนะ ไปหาหมอไหม แต่เราก็พูดคุยกันไม่ได้ซีเรียสนะครับ แต่เราก็ปล่อยมาเรื่อยๆเพราะเราไม่ใช่พระเอกไม่ได้สนใจ แต่พอมาเรื่อยๆเราก็เอ๊ะ !! ใจว่าทำไมคนถึงทักบ่อยขึ้น ทำไมเพื่อนถึงทักกันแบบจริงจังๆ เราเลยย้อนกลับไปดูรูปแล้วรู้สึกเลยว่าจมูกเราใหญ่ขึ้นจริงๆ 2 ปี ก่อนที่จะทำแม่ส่งไลน์มาหา กอล์ฟทำไมลูก ทั้งๆที่เราไม่เคยบอกว่าเราจะทำ (แต่เพราะว่าเวลาที่เราออกทีวีออกรายการคุณแม่เราท่านดูว่าเราโดนแซวโดนอำออกรายการ) ท่านเลยรู้สึกว่าลูกโดนล้อแม่เขาเลยห่วงความรู้สึกเรา แล้วลึกๆเราเองก็รู้สึกว่ามันใหญ่ขึ้น เราก็เริ่มคิดจริงจังเลยว่าจะทำก็ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว พอเราได้มาทำศลัยกรรมเราก็รู้สึกว่าก็แก้ได้





จริงๆเราตั้งใจที่จะไปทำศัลยกรรมแค่จมูกแต่ทำไมพอเวลาเราไปทำถึงไปทำตั้งหน้าเลย ?

ไม่ได้ทำทั้งหน้าครับ แต่คนไปตีความว่าทำทั้งหน้า เราทำแค่จมูก แล้วคางกับปาก บางคนบอกว่าทำตาทำอะไรเต็มไปหมดเลย เพราะพอเราทำจมูกแล้วฐานมันใหญ่ คือ วิธีที่เราทำคือผ่าตัดเล็ก ตัดปีกจมูกแล้วเติมดั้งเข้าไปเพื่อให้รับกับปีกจมูกเพราะมันยังใหญ่อยู่ พอใส่เข้าไปมันเลยดึงตา ตาเลยเปลี่ยนรูปนิดนึงเลยเหมือนไปทำตาด้วยแต่จริงๆไม่ได้ทำ ส่วนปากที่ทำเพราะตอนเด็กๆเราซนมากเอาปากไปซนหัวเตียงแม่หวังดีกลัวว่าลูกไปเย็บแผลแล้วจะเจ็บมันก็เลยเป็นแผลเป็นมันเลยนูนๆที่ปาก หมอเลยตัดออกแล้วเย็บให้ปากเป็นกระจับ ส่วนคางพอเราทำหน้าเรียบร้อยหมอเขาอยากให้หน้าเราเข้ารูปพอดีก็เลยเติมคางเข้าไปด้วย ซึ่งพอทำมากว่าจะเข้ารูปก็ประมาณ 2 – 3 เดือน ผมถ่ายคลิปไว้หมดว่าจะรวบรวมมาแล้วลงให้ดู

แปลว่าช่วง 2 – 3 เดือน ที่เราไปทำคือเราไม่รับงานเลย ?

ใช่ครับ แต่พอเราทำเสร็จ 2 เดือน หน้าเริ่มเข้ารูปแล้วละครก็เปิดกล้องพอดี




ซึ่งก่อนทำเราก็ถูกบูลลี่หนักมาก และ พอหลังทำเราก็ถูกบูลลี่อีก รู้สึกยังไงบ้าง ?

เราไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เราก็อยากบอกให้รู้ว่าคุณอย่ารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสนุก เพราะการบูลลี่อะไรแบบนี้มันไม่ดีหรอก คือ ในแง่ของแม่ ภรรยาและ คนรอบข้าง เรารู้สึกว่าคนที่เข้ามาบูลลี่เราเขาเข้ามาในพื้นที่ของเรามาใน IG เฟชบุ๊ค ทุกช่องทางที่จะเข้าถึงเราได้เราเลยได้บอกว่าอย่าเข้ามาในพื้นที่เรานะ เข้ามาเราฟ้องจริงๆ เราจะฟ้องแบบว่าถึงคุณมาขอโทษ ถึงเราไม่เอาเงินคุณก็ต้องติดคุกเพราะที่เราจริงจังเพราะว่าแม่เข้ามาดูตลอด ภรรยาเข้ามาดูแล้วเขาก็รู้สึกเครียดมาก (เพราะเขากลัวเราเครียดด้วยกับคำต่างที่เขามาบูลลี่เรา) ซึ่งพอเราบอกออกไปสุดท้ายก็หยุดกันจริงๆก็ต้องขอบคุณที่คุยกันรู้เรื่อง

แต่งงานมาประมาณ 15 ปีแล้วยาวนานขนาดนี้ แต่ก็ยังหวานจนต้องใช้คำว่าภรรยาหลงมาก ?

ผมก็รักเขามากนะ เพราะเขาเป็นคนที่ดูแลเราทุกอย่างจริงๆ และอยู่ในทุกสถานการณ์ของเรา ช่วงไหนที่เรามีแว่ปๆบ้าง (ก็เราผู้ชายเนอะ) แต่สุดท้ายก็ไม่อยากทำให้เขาเสียใจ เขาไม่ใช่แค่เข้ามาเติมสิ่งที่มันขาดหรือหายไป แต่เขาเข้ามาทำให้ชีวิตเรามีความสุขทุกอย่างผ่านพ้นไปได้แน่ๆถ้าหากเราจับมือแล้วไปด้วยกัน  ส่วนเรื่องลูกต้องบอกเลยว่าเราเคยพยายามทำแล้ว เราทำทุกขั้นตอนแล้ว ไปไหว้สิ่งศักสิทธิ์หมดแล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ กินยาจีนแล้ว ไปฝังเข็มแล้ว วิทยาศาสตร์ทำไป 3 รอบก็ไม่ติด แต่อาจจะเพราะสุขภาพของภรรยาเพราะผนังมดลูกบางการฝังตัวจะยาก แล้วเราประมาณว่าสเปิร์ม เริ่มขี้เกียจวิ่งไปไม่ถึง แต่สุดท้ายอย่าที่บอกทำไป 3 ครั้ง เราก็รู้สึกว่าพอแล้ว คือ ค่าใช้จ่ายสูงมาก และเราเป็นห่วงภรรยาเพราะว่าเขาเครียดมาก เครียดจนเขาไม่รู้ตัวเพราะตะกอนในหูหลุดทำให้บ้านหมุน อาเจียน นอนโรงพยายาบาลทุกเดือนเลย เราก็บอกว่าเขาเครียดเขาก็เถียงเราว่าเขาไม่เครียดเลยคุยกับบอกว่า ปุ้ย ถ้าเราต้องมาทำให้เครียดขนาดนี้ ไม่มีความสุขหรอกแล้วเราก็บอกเขาว่าพอแล้วเราอย่าทำเลยอยู่กันแบบนี้ดีกว่า (ย้อนกลับไปนะวันที่เราตกลงปลงใจจะรักกัน) เราสัญญากันในวันแต่งงานว่าจะอยู่ด้วยกันจนวันแก่เฒ่าเราสัญญาไว้แค่นี้เอง คือ ภาพที่เราวางไว้คือคนแก่สองคนจูงมือกันขึ้นห้างดูหนังกันสองคน เดินกันไปเล่นที่ชายหาดอะไรแค่นี้เลยพอเพราะเราอยู่กันสองคนแบบนี้แฮปปี้กว่า



แฮปปี้จนถึงขนาดที่ไม่รับงานตลกและละคร ?

ย้ำอีกครั้งนะครับ รับเหมือนเดิม แล้วก็ต้องบอกนะครับว่าหนักกว่าเดิมอีก จ้างร้อยเล่นล้านเหมือนเดิมครับ